
หลังจากแกนนำกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยทยอยปราศรัยตลอดวัน โดยมุ่งเน้นไปที่การขับไล่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง จนมาถึงเวลา 18.00 น. บรรดาแกนนำและผู้ชุมนุมได้ร่วมกันร้องเพลงชาติไทย พร้อมโบกธงชาติไทย เพื่อแสดงพลังในการปกป้องอธิปไตย
จากนั้นทางแกนนำได้ออกมายืนอ่านแถลงการณ์บนเวที เรียกร้องให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลาออกทันที และให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลทันที เพราะสิ้นความชอบธรรมแล้ว เนื่องจากน.ส.แพทองธาร เป็นผู้ไร้ความสามารถเป็นที่ประจักษ์ ได้กระทำการในลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศชาติ เข้าข่ายกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา หมวด 3 ว่าด้วยความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ หมวด 5 หน้าที่ของรัฐ มีพฤติการณ์ตามที่เป็นข่าวสาธารณะในเชิงสมคบคิด และแสดงออกซึ่งเจตนาในการใช้อำนาจหน้าที่ไปในทางตอบสนองความต้องการของอริราชศัตรู ทั้งแสดงตัวตนด้วยคำพูดที่ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นฝ่ายเดียวกับอริราชศัตรูที่มีความมุ่งหมายรุกล้ำ ละเมิดอำนาจอธิปไตย ยึดครองแผ่นดินไทย รวมถึงทรัพยากรของชาติ ทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชนคนไทย และขัดต่อคำถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่นายกรัฐมนตรี
แม้ปรากฏข้อเท็จจริงประจักษ์ชัดตามข่าวสาธารณะ และการยอมรับของนายกรัฐมนตรี บรรดาคณะรัฐมนตรี และพรรคร่วมรัฐบาล ที่ยังคงสนับสนุนให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไป ไม่ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล จึงอาจถือได้ว่าเข้าร่วมกระทำการกับนายกรัฐมนตรี มีพฤติการณ์เป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศชาติเข้าข่ายกระทำความผิดตามกฎหมายอาญา กระทำการขัดต่อบทบัญญัติรัฐธธรรมนูญเช่นเดียวกัน
จากนั้นบรรดาแกนนำหลัก อาทิ นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นายนิติธร ล้ำเหลือ จะร่วมขึ้นปราศรัย โดยมีนายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นผู้กล่าวปิดเวที
นายสนธิ ยืนยันว่า ไม่ได้เรียกร้องให้ทหารปฎิวัติ แต่หากจะทำขออย่าเอาทหารมาบริหารบ้านเมือง แต่ควรให้ประชาชนมีส่วนร่วมบริหาร พร้อมทิ้งท้ายกับผู้มาชุมนุมว่า จะไม่ใช่การชุมนุมครั้งสุดท้าย หากในอนาคตมีความจำป็นต้องลงถนนจะลงด้วยหรือไม่
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 มิ.ย. 68)