
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นผู้นำคณะผู้แทนทีมไทยแลนด์ ซึ่งประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา ภายในคืนนี้ (30 มิ.ย.) เพื่อเจรจามาตรการภาษีระหว่างไทยกับสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ
โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายและให้กำลังใจ “ทีมไทยแลนด์” ที่จะเดินทางไปเจรจาเรื่องของภาษีกับสหรัฐอเมริกาในคืนนี้ โดยขอให้ยึดหลักประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นสำคัญ เพื่อหาจุดสมดุลทางด้านการค้าขายระหว่างประเทศให้ได้ ในช่วงที่ประเทศไทยและทั่วโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายทางด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
สำหรับการหารือที่สำคัญ คือ การประชุมหารือกับนายเจมิสัน กรีเออร์ (Mr.Jamieson Greer) ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (United States Trade Representative – USTR) ในวันที่ 3 ก.ค. เวลา 21.00 น. ตามเวลาไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อลดอัตราภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ที่เก็บกับไทยจาก 36% ให้เหลือต่ำที่สุด โดยที่ผ่านมา ไทยได้ยื่นข้อเสนอหลายครั้ง และได้รับสัญญาณที่ดีจากฝั่งสหรัฐฯ นอกจากนี้ ทีมไทยแลนด์ยังมีกำหนดเข้าพบหารือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของสหรัฐฯ อีก 2-3 หน่วยงาน
ทั้งนี้ รัฐบาลติดตามสถานการณ์การเจรจาและหารือกับสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ทั้งในช่องทางที่เป็นทางการ และไม่เป็นทางการ โดยแนวทางการเจรจา ได้รับการออกแบบจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและทุกภาคส่วน เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนไทย ผู้ประกอบการ ผู้นำเข้า-ส่งออก ภาคเอกชน เกษตรกร และ SMEs ภายใต้แนวคิดการเจรจาแบบได้ประโยชน์ร่วมกัน (win-win) ที่พิจารณาทั้งข้อกังวลของสหรัฐฯ และความจำเป็นของไทย ตามกรอบ 5 เสาหลัก ที่มุ่งสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพร่วมกัน เช่น เกษตร-อาหาร และเทคโนโลยี พร้อมเดินหน้าเปิดตลาด ลดภาษี ลดอุปสรรคการค้า และอาจพิจารณาเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ในกลุ่มพลังงานและวัตถุดิบที่ไทยขาดแคลน เพื่อประโยชน์ของผู้ประกอบการและผู้บริโภคของไทย อีกทั้งไทยยังเข้มงวดกับการส่งออกสินค้าสวมสิทธิ์จากประเทศที่สาม ด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ควบคู่กับการส่งเสริมให้ภาคเอกชนไทยลงทุนในสหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้หลายบริษัทแสดงความพร้อม และสนใจลงทุน
“นายกฯ มอบหมายให้ทีมไทยแลนด์ จัดทำกรอบการเจรจาที่ครอบคลุม และสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน และกำชับให้เร่งรัดการเจรจาให้ได้ข้อสรุปภายในระยะเวลาที่เหมาะสม สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของไทย โดยเฉพาะภาคการส่งออก นายกรัฐมนตรียังตั้งเป้าให้การเจรจาครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญในการเปิดตลาด เพิ่มรายได้ ลดผลกระทบต่อผู้ประกอบการให้มากที่สุด” นายจิรายุ กล่าว
ด้าน น.ส.แพทองธาร ระบุว่า การเจรจารอบนี้ น่าจะสรุปคำตอบมาหลายหัวข้อ เพราะมีเนื้อหาและรายละเอียดที่สำคัญหลายเรื่อง และจากที่มีการเจรจามาแล้ว 1 รอบ เราจะมาดูในรายละเอียดต่อว่าจะสามารถปรับได้อย่างไรบ้าง
“ขอยังไม่บอกเป็นตัวเลข แต่ทางคณะเจรจา จะทำให้ดีที่สุดแน่นอน ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด” นายกรัฐมนตรี ระบุ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 มิ.ย. 68)