ในการประชุมวุฒิสภา ที่มี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้พิจารณากระทู้ถามของนายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย เนื่องจากเห็นว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไม่เข้าเป้า เช่น จำนวนท่องเที่ยวชาวจีนลดลง จากผลกระทบของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึง GDP ไทยที่โตต่ำกว่าคาดการณ์
“ตอนนี้ ประเทศไทยเป็นเรือที่ฝ่าพายุ แต่เครื่องยนต์ดับทีละเครื่อง ขณะที่ผู้นำไม่รู้ว่าจะพาไปทิศทางไหน ดังนั้น ควรมีเครื่องยนต์ใหม่เพื่อทำให้จีดีพี และเศรษฐกิจไทยให้พ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง” นายนรเศรษฐ์ กล่าว
ด้าน นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ชี้แจงว่า การบริหารประเทศของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สามารถทำให้จีพีดีขยายตัวได้เกิน 3% ทุกไตรมาส และในไตรมาส 2 ของปี 2568 ทำได้ดีกว่าคาด ดังนั้นเห็นได้ว่าตลอดการบริหาร ทำให้เศรษฐกิจโตสูงกว่าที่เคยเป็นในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา ขณะที่การประมาณการตัวเลขจากสถาบันด้านเศรษฐกิจ เช่น สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เชื่อว่าเศรษฐกิจจะปรับขึ้นในไม่ช้า เพราะไตรมาส 2 ตัวเลขดีอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งการผลิต การบริโภค
ทั้งนี้ ยืนยันว่ารัฐบาลที่มองไปข้างหน้า และกล้าคิดในสิ่งที่แต่ก่อนไม่เคยเกิดขึ้น และไม่ใช่คิดแค่โครงการระยะสั้นเท่านั้น แต่มองไปข้างหน้า เพื่อให้ประเทศเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจได้ นอกจากนั้น ยังดูแลเรื่องกฎหมายให้เอกชนง่ายต่อการประกอบธุรกิจ รวมถึงสร้างเครื่องยนต์ใหม่ทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม
รมช.คลัง ชี้แจงว่า สำหรับนักท่องเที่ยวนั้นในเดือน มิ.ย.เติบโตขึ้น หลังจากติดลบมา 2 เดือน ซึ่งรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว เช่น การจัดแข่งขันรถฟอร์มูล่า 1, แหล่งท่องเที่ยวที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์ (Man made) เป็นต้น รวมถึงได้พัฒนาซอฟท์พาวเวอร์ ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานของประเทศรองรับเศรษฐกิจประเทศได้ เช่น การพัฒนาท่าเรือภูเก็ต เพื่อเป็นท่าเทียบเรือสำราญได้ ท่าเรือสงขลา รองรับการขนส่งสินค้ามากขึ้น ด้วยเพิ่มเครนหน้าท่า รวมท่าเรือ B1 B2 ที่แหลมฉบัง เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าได้มากขึ้น
“รัฐบาลพยายามจะสร้างเพื่อให้เกิดเม็ดเงินใหม่ รายได้ใหม่กับประเทศ ไม่ได้หมกหมุ่นกับเงินงบประมาณ แต่มองเงินที่ลอยในอากาศ และชิงจังหวะดูดเงินจากต่างชาติ เพื่อให้ได้เงินพัฒนาประเทศ ขอให้ความมั่นใจว่า รัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยสร้างอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ให้ประเทศไทยยืนอยู่แนวหน้าของเวทีโลก” นายเผ่าภูมิ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ก.ค. 68)
