เรียวเซ อาคาซาวะ หัวหน้าผู้แทนเจรจาการค้าของญี่ปุ่น กล่าววันนี้ (8 ก.ค.) ว่า ข้อตกลงการค้าใด ๆ กับสหรัฐฯ จะต้องรวมถึงการลดหย่อนภาษีสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้าจากญี่ปุ่นในอัตรา 25% โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. เป็นต้นไป
อาคาซาวะเปิดเผยว่า เขาได้โทรศัพท์หารือกับโฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ เป็นเวลา 40 นาที โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะเดินหน้าเจรจาอย่างจริงจังต่อไป
อาคาซาวะแถลงข่าวว่า ทั้งสองฝ่ายกำลังพยายามตกลงกันในรูปแบบแพ็กเกจมาตรการ ครอบคลุมตั้งแต่การขยายการค้า อุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร ไปจนถึงความร่วมมือด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (7 ม.ค.) ปธน.ทรัมป์ได้เริ่มแจ้งให้ประเทศคู่ค้าทราบถึงการขึ้นภาษีครั้งใหญ่ แต่ได้ส่งสัญญาณว่าอาจเลื่อนการขึ้นภาษีออกไปอีกหากได้รับข้อเสนอที่น่าพอใจ พร้อมลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อชะลอการบังคับใช้ออกไปจนถึงวันที่ 1 ส.ค.
อย่างไรก็ดี อาคาซาวะยืนยันว่า ญี่ปุ่นไม่ได้กำหนดเส้นตายในการเจรจา รวมถึงวันที่ 1 ส.ค. และจะไม่ยอม “สังเวย” ภาคเกษตรกรรมของประเทศเพื่อแลกกับการบรรลุข้อตกลงโดยเร็ว
อาคาซาวะย้ำว่า ภารกิจสำคัญที่สุดคือการปกป้องอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจญี่ปุ่น และกำลังเผชิญกับการถูกเรียกเก็บภาษี 25%
“มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ หากไม่มีการตกลงเรื่องภาษีรถยนต์” อาคาซาวะกล่าว
ขณะเดียวกัน คัตสึโนบุ คาโตะ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น กล่าวว่า เขายังไม่มีแผนหารือเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนกับสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ในขณะนี้
สถานการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากญี่ปุ่นพลาดการเจรจาในรอบก่อนเส้นตายวันที่ 9 ก.ค. ขณะที่นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ซึ่งกำลังเผชิญการเลือกตั้งวุฒิสภาในวันที่ 20 ก.ค. ประกาศว่า ญี่ปุ่นจะไม่ “ยอมอ่อนข้อโดยง่าย” เพื่อให้ได้ข้อตกลง
ผลสำรวจล่าสุดจากสื่อหลายสำนักชี้ว่า พรรคร่วมรัฐบาลของนายกฯ อิชิบะอาจสูญเสียเสียงข้างมากในวุฒิสภา ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าจะทำให้การเจรจาการค้ายุ่งยากยิ่งขึ้น
“มีความเป็นไปได้ที่ญี่ปุ่นจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย” โยชิกิ ชินเกะ นักเศรษฐศาสตร์จาก Dai-ichi Life Research Institute กล่าว พร้อมประเมินว่าภาษี 25% จะฉุดการเติบโตของเศรษฐกิจญี่ปุ่นลง 0.7%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ก.ค. 68)
