หุ้นไทยปิดลบ 7.35 จุด ดีกว่าคาดแม้ถูกมาตรการภาษีสหรัฐกดดันแต่ยังมีความหวังเจรจาต่อรองสำเร็จ

SET ปิดวันนี้ที่ 1,115.65 จุด ลดลง 7.35 จุด (-0.65%) มูลค่าซื้อขาย 29,535.64 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ ระบุตลาดหุ้นไทยแกว่งแดนลบรับข่าวมาตรการภาษีสหรัฐฯ แต่ถือว่าดีกว่าคาด หลังหุ้นกลุ่มรับผลกระทบเริ่มฟื้นตัวในช่วงบ่าย อาทิ กลุ่มส่งออก อิเล็กทรอนิกส์ และนิคมฯ จากมุมมองอัตราภาษีคงเดิมที่ 36% และยืดเส้นตายไปถึง 1 ส.ค.ทำให้ตลาดมีความหวังมากขึ้น แนวโน้มพรุ่งนี้แนะติดตามการเจรจาการค้าต่อไป ตัวเลขเงินเฟ้อจีน ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมทั้งการประชุมสภาฯ เช็คเสียงรัฐบาล ให้กรอบแนวรับบวก/ลบ 1,110 จุด แนวต้าน 1,128 จุด

  • SET ปิดวันนี้ที่ 1,115.65 จุด ลดลง 7.35 จุด (-0.65%) มูลค่าซื้อขาย 29,535.64 ล้านบาท
  • การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีแกว่งตัวในแดนลบทั้งวัน โดยทำจุดต่ำสุด 1,110.16 จุด และทำจุดสูงสุดที่ 1,121.37 จุด
  • ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้เพิ่มขึ้น 189 หลักทรัพย์ ลดลง 252 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 205 หลักทรัพย์

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน (บลป.) เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งในแดนลบตอบรับมาตรการภาษีสหรัฐเป็นหลัก แต่ตลาดปิดในจุดที่สูงกว่าคาดหลังจากรีบาวด์ขึ้นมาได้บ้างในภาคบ่าย เนื่องจากกลุ่มหุ้นที่ได้ผลกระทบค่อนข้างมากจากมาตรการภาษี อาทิ กลุ่มส่งออก กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ก็ต่างฟื้นตัวขึ้นในระดับที่มากน้อยแตกต่างกันไป

ปัจจัยหนุนน่าจะมาจากอัตราภาษี 36% ที่ไทยถูกเรียกเก็บ ไม่ได้มากกว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศไว้ครั้งแรก ซึ่งตลาดเคยรับรู้ไปแล้ว รวมทั้งได้ขยายเส้นตายไปเป็นวันที่ 1 ส.ค.อย่างชัดเจน ทำให้มีความคาดหวังว่าไทยจะสามารถเจรจาหาข้อสรุปกับสหรัฐได้ในระยะเวลาที่เพิ่มขึ้น 3 สัปดาห์นี้

แนวโน้มวันพรุ่งนี้ แนะนำให้ติดตามการเจรจาการค้าของไทยอย่างใกล้ชิด รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อจีน และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะประกาศในช่วงคืนวันพรุ่งนี้ อีกทั้งการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเช็คเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล และเสนอร่างกฎหมาย หลังจากที่ได้มีการถอนร่างกฎหมายธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรหรือ Entertainment Complex ไปแล้ว

โดยให้กรอบแนวรับบวกลบ 1,110 จุด และแนวต้าน 1,128 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

  • DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,901.93 ล้านบาท ปิดที่ 108.50 บาท ลดลง 2.00 บาท
  • KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,454.94 ล้านบาท ปิดที่ 156.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง
  • ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,284.34 ล้านบาท ปิดที่ 284.00 บาท ลดลง 3.00 บาท
  • CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,206.27 ล้านบาท ปิดที่ 45.25 บาท ลดลง 0.25 บาท
  • KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,189.21 ล้านบาท ปิดที่ 21.60 บาท ลดลง 0.50 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ก.ค. 68)