
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันพุธ (9 ก.ค.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของอุปสงค์เชื้อเพลิง นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังปรับตัวขึ้นจากข่าวกลุ่มฮูตีได้ทำการโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดง
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 5 เซนต์ หรือ 0.07% ปิดที่ 68.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 4 เซนต์ หรือ 0.06% ปิดที่ 70.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.7 ล้านบาร์เรล
รายงานของ EIA ยังระบุว่า ความต้องการน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 0.6% สู่ระดับ 9.2 ล้านบาร์เรล/วันในสัปดาห์ที่แล้ว
ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 825,000 บาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 300,000 บาร์เรล
อย่างไรก็ดี สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 7.1 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 464,000 บาร์เรล
ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่ EIA ปรับลดคาดการณ์การผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ ปี 2568 ลงสู่ระดับ 13.37 ล้านบาร์เรล/วัน จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 13.42 ล้านบาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังปรับตัวขึ้นจากข่าวที่ว่า กลุ่มฮูตีได้ก่อเหตุโจมตีเรือบรรทุกสินค้า “Eternity C” ของไลบีเรียในทะเลแดง ส่งผลให้ลูกเรือสินค้าลำดังกล่าวเสียชีวิต 3 คน โดยกลุ่มติดอาวุธฮูตีได้ออกมาโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดงอีกครั้ง หลังจากที่เหตุการณ์ในทะเลแดงอยู่ในความสงบเป็นเวลาหลายเดือน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ก.ค. 68)