ตลาดหุ้นเอเชียปิดเช้าผันผวน นักลงทุนประเมินข่าวทรัมป์เก็บภาษีเม็กซิโก-EU

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าผันผวนในวันนี้ (14 ก.ค.) ขณะที่นักลงทุนประเมินข่าวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากรจากสหภาพยุโรป (EU) และเม็กซิโก

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 39,469.72 จุด ลดลง 99.96 จุด หรือ -0.25%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 24,166.03 จุด เพิ่มขึ้น 26.46 จุด หรือ +0.11% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,525.40 จุด เพิ่มขึ้น 15.22 จุด หรือ +0.43%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดบวก 0.44% ส่วนดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปรับตัวลง 0.1%

ปธน.ทรัมป์ประกาศผ่านแพลตฟอร์มทรูธโซเชียล (Truth Social) ในวันเสาร์ (12 ก.ค.) ว่า สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษี 30% สำหรับสินค้านำเข้าจาก EU และเม็กซิโก โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.นี้เป็นต้นไป

ขณะที่ผู้นำ EU และเม็กซิโกส่งสัญญาณถึงความตั้งใจที่จะเดินหน้าการเจรจากับรัฐบาลทรัมป์ในเดือนนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะทำข้อตกลงการปรับลดภาษีลงจากระดับดังกล่าว

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในช่วงเช้าวันนี้ สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) เปิดเผยว่า ยอดส่งออกเดือนมิ.ย.ของจีนปรับตัวขึ้น 5.8% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5% เนื่องจากภาคธุรกิจของจีนยังคงเร่งส่งออกสินค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อใช้ประโยชน์จากการที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยกเว้นภาษีศุลกากรชั่วคราว ก่อนที่จะถึงกำหนดเส้นตายในเดือนส.ค.

ส่วนการนำเข้าในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 1.1% ซึ่งแม้จะน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.3% แต่ก็นับเป็นครั้งแรกในปีนี้ที่ยอดนำเข้าของจีนปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยสาเหตุที่ทำให้ยอดนำเข้าปรับตัวลงในปีนี้มาจากอุปสงค์ภายในประเทศที่ซบเซา

ด้านกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์เปิดเผยในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2568 ของสิงคโปร์ขยายตัว 1.4% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัวเพียง 0.8% หลังจากที่หดตัวลง 0.5% ในไตรมาส 1 โดยข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์สามารถรอดพ้นจากภาวะถอยทางเทคนิค

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.ค. 68)