
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% ในวันจันทร์ (14 ก.ค.) ขณะที่นักลงทุนประเมินข่าวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศคว่ำบาตรประเทศที่ซื้อน้ำมันจากจากรัสเซีย ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลก นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 1.47 ดอลลาร์ หรือ 2.15% ปิดที่ 66.98 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 1.15 ดอลลาร์ หรือ 1.63% ปิดที่ 69.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
ปธน.ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐฯ จะสนับสนุนอาวุธให้กับยูเครน และขู่ว่าจะใช้มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่กับประเทศที่ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย เว้นแต่ว่ารัสเซียจะยอมทำข้อตกลงสันติภาพภายในเวลา 50 วัน
ในช่วงแรก ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นจากการคาดการณ์ที่ว่า สหรัฐฯ จะออกมาตรการคว่ำบาตรในระดับที่รุนแรงขึ้น แต่ราคาน้ำมันปรับตัวลงในเวลาต่อมา เมื่อนักลงทุนเริ่มประเมินว่าสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีที่สูงกับประเทศที่ยังคงค้าขายกับรัสเซียจริงหรือไม่
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ประกาศว่าจะใช้มาตรการภาษีทุติยภูมิ (Secondary Tariffs) ที่รุนแรงต่อรัสเซีย หากสงครามที่ดำเนินมากว่า 3 ปีระหว่างรัสเซียและยูเครนไม่ยุติลงภายในเวลา 50 วัน หรือภายในวันที่ 2 ก.ย.
มาตรการภาษีทุติยภูมิของปธน.ทรัมป์ถือเป็นมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งจะส่งผลให้รัสเซียและประเทศที่ยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซียเผชิญภาษีที่สูงถึง 100% ของมูลค่าการนำเข้า เท่ากับเป็นการเพิ่มต้นทุน 2 เท่าสำหรับประเทศที่ตกเป็นเป้าหมาย
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยืนยันว่า สหรัฐฯ จะสนับสนุนอาวุธให้กับยูเครนผ่านทางนาโต โดยประเทศสมาชิกจะเป็นผู้จัดซื้อและส่งต่อไปยังยูเครน ภายใต้การประสานงานของแมทธิว วิตเทเกอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำนาโต
ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากสำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผยว่า จีนนำเข้าน้ำมันเพิ่มขึ้น 7.4% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 12.14 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2566
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ก.ค. 68)