
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (5 ส.ค.) โดยตลาดยังคงถุกกดดันจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติเพิ่มกำลังการผลิต รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่อ่อนแอลงทั่วโลก ขณะที่นักลงทุนจับตาการใช้มาตรการคว่ำบาตรต่ออินเดีย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ขู่ว่าจะปรับขึ้นอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากอินเดีย เนื่องจากอินเดียยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 1.13 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 65.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1.12 ดอลลาร์ หรือ 1.63% ปิดที่ 67.64 ดอลลาร์/บาร์เรล
กลุ่มโอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 547,000 บาร์เรล/วันสำหรับเดือนก.ย. หลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (3 ส.ค.) ซึ่งถือเป็นการกลับลำนโยบายการผลิต หลังจากที่ก่อนหน้านี้สมาชิก 8 ประเทศของกลุ่มโอเปกพลัสซึ่งประกอบด้วยซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต โอมาน อิรัก คาซัคสถาน และแอลจีเรีย ได้ปรับลดกำลังการผลิตต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปีเพื่อพยุงราคาน้ำมันในตลาด
ราคาน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 50.1 ในเดือนก.ค. จากระดับ 50.8 ในเดือนมิ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 51.5 โดยได้รับผลกระทบจากการลดลงของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงานที่หดตัวลง ขณะที่ธุรกิจต่าง ๆ ระบุว่ามาตรการภาษีการค้ากำลังผลักดันให้ต้นทุนสูงขึ้น
นักลงทุนจับตาการใช้มาตรการคว่ำบาตรต่ออินเดีย หลังจากปธน.ทรัมป์ประกาศในวันอังคารว่า เขาจะเพิ่มอัตราภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากอินเดีย “เป็นอย่างมาก” จากระดับปัจจุบันที่ 25% ภายในเวลา 24 ชั่วโมงข้างหน้า เนื่องจากอินเดียยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย พร้อมกับกล่าวหาว่า อินเดียกำลังสนับสนุนสงครามในยูเครน
ทั้งนี้ อินเดียเป็นผู้ซื้อน้ำมันดิบทางทะเลรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย โดยนำเข้าประมาณ 1.75 ล้านบาร์เรล/วันในช่วงเดือนม.ค.-มิ.ย.ปีนี้ เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลง 4.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 ส.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) ในวันนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ส.ค. 68)