อินเดียเจอแรงกดดันหนัก มูดี้ส์คาดภาษีสหรัฐฯ กระทบเศรษฐกิจ-การลงทุน

ความไม่แน่นอนทางการค้าโลกที่ทวีความรุนแรงจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลให้ตลาดหุ้นอินเดียเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก โดยนักลงทุนต่างชาติได้เทขายหุ้นอินเดียไปแล้วเป็นมูลค่า 900 ล้านดอลลาร์ในช่วงต้นเดือนส.ค. ต่อเนื่องจากเดือนก.ค. ซึ่งมีเงินไหลออกสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์

ดัชนีหุ้นอินเดียอย่าง Nifty 50 และ Sensex ปรับตัวลง 2.9% ในเดือนก.ค. และยังคงปรับตัวลงต่อเนื่องในเดือนส.ค. โดยลดลงไปแล้ว 0.7% จนถึงขณะนี้ ท่ามกลางความวิตกของนักลงทุนเกี่ยวกับทิศทางการค้าโลก

สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือมูดี้ส์ เรทติ้งส์ เตือนว่า การขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ต่อสินค้าจากอินเดีย อาจทำให้อินเดียเผชิญกับความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ นอกจากนี้ มาตรการดังกล่าวอาจกระทบความพยายามของอินเดียในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

เมื่อวันพุธ (6 ส.ค.) ทรัมป์ประกาศเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียอีก 25% ทำให้ภาษีรวมสูงถึง 50% โดยให้เหตุผลว่าอินเดียยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ทั้งที่สหรัฐฯ เรียกร้องให้ยุติการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย

มูดี้ส์ยังระบุว่า หากอินเดียต้องลดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียเพื่อลดแรงกดดันจากภาษี อาจส่งผลให้ประเทศประสบปัญหาในการหาน้ำมันจากแหล่งอื่นมาทดแทนได้ทันเวลา และในปริมาณที่เพียงพอ

ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ตามคาดเมื่อวันพุธ และยังย้ำจุดยืนที่เป็นกลางอย่างต่อเนื่อง หลังจากสร้างความประหลาดใจในเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมาด้วยการปรับลดดอกเบี้ย 0.50% อย่างไม่คาดคิด

โดยรวมแล้ว มาตรการภาษีที่สูงถึง 50% ซึ่งสูงกว่าระดับที่ใช้กับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกอย่างชัดเจน กำลังเป็นแรงกดดันสำคัญต่อเป้าหมายของอินเดียในการเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ส.ค. 68)