
บมจ.บลูบิค กรุ๊ป [BBIK] ที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันและ AI-Led Enterprise Digital Transformation โชว์ศักยภาพเหนือตลาดด้วยการประกาศผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 68 กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 146 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีรายได้รวม 712 ล้านบาท ขยายตัว 0.5% แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างภายใน ขณะที่ไตรมาส 2/68 กำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79% (YoY) รายได้รวมอยู่ที่ 365 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% (YoY)
นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BBIK เผยว่าผลลัพธ์ที่โดดเด่นนี้เป็นผลมาจากบริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแบบครบวงจรที่ตอบโจทย์ลูกค้า การยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานภายใน รวมถึงการขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าขนาดกลางและภาครัฐ
ขณะที่มั่นใจครึ่งปีหลังโตแกร่ง ด้วย Backlog และปัจจัยหนุนทางเศรษฐกิจ โดย BBIK ระบุว่าแม้ยังมีความไม่แน่นอนจากสถานการณ์โลก แต่บริษัทประเมินว่าความชัดเจนด้านนโยบายภาษีจะกระตุ้นให้ภาคธุรกิจเร่งปรับตัวและลงทุนด้านเทคโนโลยีมากขึ้น เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขัน และ ณ สิ้นเดือน มิ.ย.68 บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) รวมกว่า 1,082 ล้านบาท โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้มากกว่า 755 ล้านบาท และที่เหลือจะทยอยรับรู้จนถึงปี 72
“ถึงแม้ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และการค้าโลกชะลอตัวในครึ่งปีหลัง แต่บริษัทฯ ประเมินว่าความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการภาษีของรัฐบาลสหรัฐฯที่มีต่อไทย จะทำให้ภาคธุรกิจเร่งปรับตัว เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขัน ส่งผลให้แผนการปรับใช้เทคโนโลยีและยกระดับประสิทธิภาพการทำงานผ่าน การทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องจะกลับมาดำเนินการตามปกติ รวมถึงการลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่สามารถรองรับการขยายตัวและเทรนด์การค้าใหม่ ๆ ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ลูกค้าอาจพิจารณาและเลือกลงทุนกับโครงการที่คุ้มค่า สอดรับกับความเชี่ยวชาญและบริการแบบครบวงจรของบลูบิคที่มุ่งเน้นส่งมอบงานที่ตอบโจทย์ธุรกิจอย่างแท้จริง ดังนั้นบริษัทฯ จึงเชื่อมั่นว่าผลประกอบการในครึ่งปีหลังจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง” นายพชร กล่าว
สำหรับภาพรวมตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศในประเทศไทยในปี 68 ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดย การ์ทเนอร์ อิงค์ (Gartner Inc.) คาดการณ์ว่า การใช้จ่ายด้านไอทีในไทยจะขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 7.9% จากปีก่อนหน้า หรือคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 996,000 ล้านบาท โดยกลุ่มที่เติบโตโดดเด่นที่สุด คือ ศูนย์ข้อมูล (Data Center) ที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง 17% และซอฟต์แวร์องค์กร (Enterprise Software) ซึ่งขยายตัวถึง 16.1% สะท้อนให้เห็นถึงการเร่งปรับตัวของธุรกิจไทยในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและโซลูชันเทคโนโลยี เพื่อรองรับการเติบโตของยุคเศรษฐกิจดิจิทัล
บริษัทฯ ประเมินว่ากระแสการลงทุนด้านเทคโนโลยีดังกล่าวข้างต้น สอดรับกับทิศทางการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของบริการด้านต่าง ๆ ของบริษัทฯ โดยเฉพาะงานที่ปรึกษาด้าน Digital Excellence & Delivery และ ERP ที่มีการส่งมอบงานอย่างต่อเนื่องแก่ลูกค้าที่ต้องการระบบที่สามารถรองรับการเติบโตและแข่งขันของธุรกิจ อีกทั้งการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันยังถือเป็นแผนงานที่จำเป็นในหลายกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ สถาบันการเงิน กลุ่มประกันภัย กลุ่มพลังงาน กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต กลุ่มเทคโนโลยีและสื่อสาร รวมถึงภาครัฐ ซึ่งให้ความสำคัญมากขึ้นกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยี ยกตัวอย่างเช่น โครงการ Cloud First Policy (นโยบายรัฐบาลที่สนับสนุนการใช้คลาวด์ในภาครัฐ) และ Virtual Bank ดังนั้นการลงทุนด้านเทคโนโลยีในไทยจึงสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง ส่งผลบวกต่อการดำเนินงานของ BBIK

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ส.ค. 68)