
น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำเนินโครงการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าบริเวณ จ.น่าน แพร่ และอุตรดิตถ์ เพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (โครงการ NPUP) ภายในวงเงิน 26,220 ล้านบาท ตามที่กระทรวงพลังงาน (พน.) เสนอ
โครงการดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับการรับซื้อไฟฟ้า จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง และโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำปากแบง ตามนโยบายของภาครัฐที่มุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน รวมทั้งเป็นไปตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561 – 2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (PDP2018 Rev.1)
โครงการนี้ มีมูลค่าการลงทุนรวม ประมาณ 26,220 ล้านบาท แบ่งการดำเนินโครงการออกเป็น 2 ระยะ มีกำหนดแล้วเสร็จทั้งโครงการภายในปี 2574 ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานด้วยไฟฟ้าต้นทุนต่ำ โดยมีขอบเขตการดำเนินโครงการ ดังนี้
- ขอบเขตงานระยะที่ 1
– ขยายสถานีไฟฟ้า 500 230 และ 115 กิโลโวลต์ (500/230/115 kV) น่าน
– ก่อสร้างสายส่ง 500 กิโลโวลต์ (500 kV) ชายแดนไทย/สปป.ลาว – น่าน วงจรคู่
– ก่อสร้างสถานีไฟฟ้า (แห่งใหม่) 500 กิโลโวลต์ (500 KV) เด่นชัย
– ก่อสร้างสายส่ง 500 กิโลโวลต์ (500 kV) น่าน – เด่นชัย วงจรคู่
– ตัดสายส่ง 500 กิโลโวลต์ (500 KV) แม่เมาะ 3 – ท่าตะโก วงจรคู่ (2 แนวสาย) ลงที่สถานีไฟฟ้าเด่นชัย ทั้งสี่วงจร
- ขอบเขตงานระยะที่ 2
– ก่อสร้างสถานีไฟฟ้า (แห่งใหม่) 500 กิโลโวลต์ (500 kV) ท่าวังผา
– ตัดสายส่ง 500 กิโลโวลต์ (500 kV) ชายแดนไทย/สปป.ลาว (จากโรงไฟฟ้าหงสา) – น่านวงจรคู่ และสายส่ง 500 กิโลโวลต์ (500 kV) ชายแดนไทย/สปป.ลาว (จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว) – น่าน วงจรคู่ ลงที่สถานีไฟฟ้าท่าวังผา (แห่งใหม่) ทั้งสี่วงจร
– ก่อสร้างสถานีไฟฟ้า (แห่งใหม่) 500 กิโลโวลต์ (500 kV) ร้องกวาง
– ตัดสายส่ง 500 กิโลโวลต์ (500 kV) น่าน – แม่เมาะ 3 วงจรคู่ และสายส่ง 500 กิโลโวลต์ (500 kV) น่าน – เด่นชัย วงจรคู่ ลงที่สถานีไฟฟ้าร้องกวาง (แห่งใหม่) ทั้งสี่วงจร
สำหรับเงินทุนในการดำเนินโครงการ NPUP กฟผ. จะพิจารณาแหล่งเงินทุนจากหลายแหล่ง เช่น สถาบันการเงินต่างประเทศ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการออกพันธบัตร หรือลงทุนในประเทศ และเงินรายได้ของ กฟผ. โดยมีสมมติฐานสัดส่วนการจัดสรรแหล่งเงินทุนจากรายได้ของ กฟผ. และแหล่งเงินทุนอื่น ๆ อยู่ที่ 25 : 75 ตามลำดับ
น.ส.ศศิกานต์ ระบุว่า แม้ว่าการลงทุนโครงการมีผลกระทบต่ออัตราค่าไฟฟ้าขายส่ง เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 0.51 สตางค์/หน่วย (คิดจากมูลค่าปัจจุบันสุทธิที่อัตราคิดลด 5.08%) แต่ผลการคำนวณผลตอบแทนของโครงการ ยังคงอยู่ในระดับที่คุ้มค่าต่อการลงทุน โดยมี FIRR ที่ 17.89% และ EIRR ที่ 19.15%
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ กฟผ., สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และได้รับความเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) จากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติด้วยแล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ส.ค. 68)