สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (19 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าการเจรจาไตรภาคีระหว่างผู้นำสหรัฐฯ ยูเครน และรัสเซีย เพื่อผลักดันให้มีการยุติสงครามในยูเครน อาจนำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย ซึ่งจะทำให้รัสเซียสามารถส่งออกน้ำมันและส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 1.07 ดอลลาร์ หรือ 1.69% ปิดที่ 62.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 81 เซนต์ หรือ 1.22% ปิดที่ 65.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน พร้อมด้วยผู้นำยุโรปอีก 7 คนได้พบปะหารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ที่ทำเนียบขาวในวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยหลังเสร็จสิ้นการประชุม ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาคาดหวังว่าการพบปะกับผู้นำยูเครนในครั้งนี้จะนำไปสู่การจัดประชุมไตรภาคีร่วมกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่าปธน.ปูตินก็ต้องการให้สงครามในยูเครนยุติลง
ทางด้านปธน.เซเลนสกีกล่าวว่า การพูดคุยกับปธน.ทรัมป์เป็นไปด้วยดี และได้มีการหารือกันเกี่ยวกับหลักประกันความมั่นคงที่สหรัฐฯ อาจมีให้กับยูเครน ขณะที่ปธน.ทรัมป์ยืนยันว่าสหรัฐฯ จะให้หลักประกันดังกล่าว แม้ว่าขอบเขตของการให้หลักประกันจะยังไม่ชัดเจนก็ตาม
นักวิเคราะห์ด้านพลังงานจาก DBS Bank กล่าวว่า ท่าทีที่อ่อนลงของปธน.ทรัมป์เกี่ยวกับการใช้มาตรการคว่ำบาตรทุติยภูมิ (secondary sanctions) ที่พุ่งเป้าลงโทษประเทศที่นำเข้าน้ำมันจากรัสเซียนั้น ได้ลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะชะงักงันด้านอุปทานน้ำมันในตลาดโลก และทำให้ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์คลี่คลายลงด้วย
ขณะที่นักวิเคราะห์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์จากบริษัท TD Securities กล่าวว่า หากผลการประชุมไตรภาคีทำให้สถานการณ์ตึงเครียดลดน้อยลงและทำให้สหรัฐฯ ตัดสินใจยกเลิกใช้มาตรการคว่ำบาตรทุติยภูมิ ก็อาจทำให้ราคาน้ำมันร่วงลงแตะระดับ 58 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงไตรมาส 4/2568 จนถึงไตรมาส 1/2569
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลง 2.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 ส.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) ในวันนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ส.ค. 68)
