
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประกาศว่า หากชาติตะวันตกส่งกองกำลังทหารเข้าไปประจำการในยูเครน รัสเซียจะถือว่ากองกำลังเหล่านั้นเป็นเป้าหมายที่สามารถโจมตีได้อย่างชอบธรรม
ผู้นำรัสเซียมีถ้อยแถลงดังกล่าวในวันนี้ (5 ก.ย.) เพียงหนึ่งวันหลังจากที่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ประกาศว่า ขณะนี้มี 26 ประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากฝั่งยุโรป ที่ให้คำมั่นอย่างเป็นทางการว่าจะระดมกำลังทหารเข้าประจำการในยูเครน เพื่อสร้างหลักประกันความมั่นคงให้แก่ยูเครนหลังสงคราม
ทั้งนี้ รัสเซียยืนยันมาโดยตลอดว่า เหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้รัสเซียต้องทำสงครามในยูเครนก็คือ เพื่อป้องกันไม่ให้นาโตรับยูเครนเป็นสมาชิก และส่งกองกำลังนาโตเข้าไปประจำการในยูเครน
“ดังนั้น หากมีกองกำลังใดเข้าไปประจำการในพื้นที่ โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ซึ่งยังอยู่ระหว่างปฏิบัติการทางทหาร เราจะเดินหน้าปฏิบัติการโดยยึดถือข้อเท็จจริงที่ว่า กองกำลังเหล่านั้นเป็นเป้าหมายที่สามารถโจมตีได้อย่างชอบธรรมตามกฎหมาย” ปธน.ปูตินประกาศในการประชุมเศรษฐกิจ ณ เมืองวลาดิวอสต็อก
“หากมีการตัดสินใจใดที่สามารถนำไปสู่สันติภาพในระยะยาวได้จริง ผมก็ไม่เห็นความจำเป็นที่กองกำลังใด ๆ จะต้องประจำการอยู่ในยูเครน แค่นั้น จบ”
ในวันเดียวกัน ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวว่า กองกำลังทหารต่างชาติไม่อาจสร้างหลักประกันความมั่นคงให้แก่ยูเครนได้
“กองกำลังทหารต่างชาติ โดยเฉพาะจากยุโรปและอเมริกา สามารถสร้างหลักประกันความมั่นคงให้แก่ยูเครนได้หรือไม่ แน่นอนว่าไม่ได้ พวกเขาไม่สามารถทำได้” เปสคอฟกล่าวนอกรอบการประชุมเศรษฐกิจ ณ เมืองวลาดิวอสต็อก “การสร้างหลักประกันความมั่นคงให้แก่ยูเครนเช่นนี้ ไม่ใช่แนวทางที่ประเทศของเราสามารถยอมรับได้”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ก.ย. 68)