ดาวโจนส์ปิดบวก 196.39 จุด ทำนิวไฮ รับคาดการณ์เฟดหั่นดบ.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (9 ก.ย.) โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ปรับลดการประเมินตัวเลขจ้างงานในช่วงเวลา 12 เดือน ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะซบเซาของตลาดแรงงานและเป็นปัจจัยหนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ

  • ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 45,711.34 จุด เพิ่มขึ้น 196.39 จุด หรือ +0.43%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,512.61 จุด เพิ่มขึ้น 17.46 จุด หรือ +0.27% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,879.49 จุด เพิ่มขึ้น 80.79 จุด หรือ +0.37%

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรฉบับปรับปรุงใหม่สำหรับช่วงเวลา 12 เดือนที่นับจนถึงเดือนมี.ค. 2568 โดยระบุว่าตัวเลขจ้างงานในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น น้อยกว่าที่มีการประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ถึง 911,000 ตำแหน่ง ซึ่งบ่งชี้ว่าการเติบโตของตัวเลขจ้างงานได้ชะลอตัวลงก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเริ่มประกาศใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรกับประเทศทั่วโลก

เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนมีความมั่นใจว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย. และให้น้ำหนัก 10% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมดังกล่าว

หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารพุ่งขึ้น 1.64% ตามด้วยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวขึ้น 0.71% ส่วนหุ้นกลุ่มวัสดุและกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวลง 1.57% และ 0.65% ตามลำดับ

หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ (UnitedHealth) ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 8.6% และเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่าจำนวนผู้ลงทะเบียนในโครงประกันสุขภาพ Medicare จะเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งหมายความว่าบริษัทจะได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลมากขึ้น

หุ้นเจพีมอร์แกน เชส (JPMorgan Chase) ดีดตัวขึ้น 1.7% หลังจากผู้บริหารระดับสูงได้แสดงความเชื่อมั่นว่า รายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจจะปรับตัวขึ้นในไตรมาส 3 ปีนี้

หุ้นแอปเปิ้ล (Apple) ปรับตัวลง 1.5% หลังจากการเปิดตัว iPhone 17 Series ไม่ได้สร้างความประทับใจให้กับนักลงทุน

หุ้นบรอดคอม (Broadcom) ร่วงลง 2.6% โดยราคาหุ้นอ่อนแรงลงหลังจากที่พุ่งขึ้นในช่วง 5 วันก่อนหน้านี้

หุ้น Class B ของบริษัทฟ็อกซ์ คอร์ป (Fox Corp) และนิวส์ คอร์ป (News Corp) ร่วงลง 6.7% และ 4.5% ตามลำดับ หลังจากรูเพิร์ต เมอร์ด็อกได้บรรลุข้อตกลงกับลูก ๆ ของเขา เพื่อให้แลคลัน เมอร์ด็อก บุตรชายคนโต เข้ากุมอำนาจเบ็ดเสร็จในบริษัทสื่อยักษ์ใหญ่อย่างฟ็อกซ์นิวส์ (Fox News) และวอลล์สตรีท เจอร์นัล (WSJ) ขณะที่พี่น้องอีกสามคนตกลงขายหุ้นและรับเงินสดมูลค่ามหาศาล ซึ่งถือเป็นการยุติปัญหาการสืบทอดตำแหน่งที่ยืดเยื้อมานาน

นักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด และเพื่อประเมินผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ โดยทางการสหรัฐฯ จะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค.ในวันนี้ และจากนั้นจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนส.ค.ในวันพฤหัสบดี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ก.ย. 68)