
ศาลอุทธรณ์กลางสหรัฐฯ มีคำวินิจฉัยในวันจันทร์ (15 ก.ย.) ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่สามารถปลด ลิซา คุก ออกจากตำแหน่งสมาชิกคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ ก่อนที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) จะลงมติว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ โดยคำตัดสินดังกล่าวของศาลอุทธรณ์เขตโคลัมเบียหมายความว่า คุกสามารถเข้าร่วมการประชุม FOMC ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน โดยเริ่มจากช่วงเช้าของวันนี้ (16 ก.ย.) ตามเวลาสหรัฐฯ
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (11 ก.ย.) ทนายความของปธน.ทรัมป์ได้ยื่นอุทธรณ์ฉุกเฉินเพื่อขอให้ระงับคำตัดสินของศาลชั้นต้นซึ่งขัดขวางไม่ให้การปลดคุกมีผลบังคับใช้ ในขณะที่คดีที่เธอยื่นฟ้องคำสั่งของปธน.ทรัมป์ยังคงดำเนินอยู่ แต่ล่าสุดศาลอุทธรณ์ปฏิเสธคำร้องดังกล่าวของปธน.ทรัมป์ โดยคณะผู้พิพากษา 3 คนที่ดูแลการอุทธรณ์นี้ซึ่งรวมถึง เจ. มิเชล ไชลด์ส และแบรดลีย์ การ์เซีย ได้ตัดสินคัดค้านคำร้องของปธน.ทรัมป์
ทั้งนี้ ผู้พิพากษาไชลด์สและผู้พิพากษาการ์เซีย ต่างก็ได้รับการแต่งตั้งโดยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ได้สั่งปลดคุกออกจากตำแหน่ง หลังจาก บิล พูลที ผู้อำนวยการสำนักงานการเงินเพื่อการเคหะของรัฐบาลสหรัฐ (FHFA) เปิดเผยว่า คุกได้กู้เงินจาก FHFA เพื่อซื้อบ้านในรัฐมิชิแกน โดยระบุว่าเป็นที่อยู่อาศัยหลัก แต่ต่อมาคุกได้กู้เงินอีกครั้งหนึ่งเพื่อซื้อคอนโดมิเนียมในแอตแลนตา และแจ้งว่าเป็นที่อยู่อาศัยหลักเช่นกัน ซึ่งพูลทีระบุว่า คุกให้ข้อมูลเท็จเพื่อแสวงหาประโยชน์จากสิทธิพิเศษจากอัตราดอกเบี้ยที่ FHFA มอบให้สำหรับที่อยู่อาศัยหลักเพียงแห่งเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ดี เจีย ค็อบบ์ ผู้พิพากษาศาลแขวงในวอชิงตันได้ระงับคำสั่งของปธน.ทรัมป์ โดยมีคำวินิจฉัยว่า การประพฤติมิชอบเกี่ยวกับการจำนองตามที่ถูกกล่าวหานั้น ไม่น่าจะเป็นเหตุอันควรในการปลดเธอออกจากตำแหน่งได้ภายใต้กฎหมาย Federal Reserve Act และวิธีที่เธอถูกปลดออกจากตำแหน่งนั้นน่าจะเป็นการละเมิดสิทธิของเธอในกระบวนการยุติธรรมอันชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.ย. 68)