ตลาดหุ้นจีนเนื้อหอมดึงต่างชาติหวนคืน ดันดัชนีพุ่งสูงสุดในรอบทศวรรษ

ข้อมูลการตั้งกองทุนใหม่และกระแสเงินทุนสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนต่างชาติต่อตลาดหุ้นจีนซึ่งรวมถึงฮ่องกง และมีมูลค่ารวมประมาณ 19 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

รายงานของมอร์แกน สแตนลีย์ระบุว่า ในเดือนส.ค. กองทุนเฮดจ์ฟันด์ทั่วโลกเข้าซื้อหุ้นจีนมากที่สุดในรอบ 6 เดือน ขณะที่ข้อมูลจากมอร์นิงสตาร์เปิดเผยว่า การตั้งกองทุนหุ้นตลาดเกิดใหม่แบบไม่รวมจีนลดลงเหลือเพียง 8 กองในปี 2568 จาก 21 กองในปี 2567 และ 16 กองในปี 2566 ซึ่งสะท้อนว่า ความต้องการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ที่ไม่รวมจีนนั้นชะลอตัวลงอย่างมาก

ความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนต่างชาติช่วยหนุนตลาดซึ่งก่อนหน้านี้ขับเคลื่อนโดยนักลงทุนในประเทศเป็นหลัก

ทั้งนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดหุ้นฮ่องกงพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี โดยได้ปัจจัยสนับสนุนมาจากการพัฒนาด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เซมิคอนดักเตอร์ และยานวัตกรรมของจีน ประกอบกับการระงับการเก็บภาษีระหว่างจีนกับสหรัฐฯ และสภาพแวดล้อมด้านการเงินที่ผ่อนคลายในประเทศ

นักลงทุนต่างชาติซึ่งเคยถอนตัวออกไปเมื่อสามปีก่อนและมองว่าตลาดหุ้นจีนไม่เหมาะแก่การลงทุนนั้นได้เริ่มกลับเข้าตลาดหุ้นจีนอีกครั้ง โดยได้รับแรงจูงใจจากโอกาสทางด้านเทคโนโลยีและความต้องการกระจายการลงทุนออกจากสินทรัพย์สหรัฐฯ โดยกลุ่มแรกที่กลับมาแล้วคือบรรดานักลงทุนที่ถูกดึงดูดจากตลาดขาขึ้นในปีนี้

เบรตต์ บาร์นา อดีตผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ซึ่งปัจจุบันบริหารสำนักงานครอบครัว 2 แห่งในนิวยอร์กระบุว่า เขามีแผนจัดตั้งแพลตฟอร์มเพื่อเปิดทางให้นักลงทุนจากสหรัฐฯ และยุโรปสามารถเข้าถึงตลาดทุนจีนได้มากขึ้น

เจิ้ง อวี้เฉิง ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนฝ่ายกองทุนจีนของอัลลิอันซ์ โกลบอล อินเวสเตอร์กล่าวเสริมว่า นักลงทุนซึ่งเมื่อปีที่แล้วยังต้องการตัดจีนออกจากดัชนีการลงทุน บัดนี้กลับมองว่าจีนเป็นสินทรัพย์แยกต่างหากซึ่งไม่สามารถมองข้ามได้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ก.ย. 68)