สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (22 ก.ย.) หลังจากมีรายงานว่า อิรัก ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้เพิ่มการส่งออกน้ำมัน ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 4 เซนต์ หรือ 0.06% ปิดที่ 62.64 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 11 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 66.57 ดอลลาร์/บาร์เรล
ความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาดเป็นปัจจัยกดดันตลาด โดย SOMO ซึ่งเป็นบริษัทค้าน้ำมันของรัฐบาลอิรักเปิดเผยว่า อิรักได้เพิ่มการส่งออกน้ำมันตามข้อตกลงของโอเปกพลัส โดยคาดว่าการส่งออกในเดือนก.ย.จะอยู่ที่ประมาณ 3.4 – 3.45 ล้านบาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ มีรายงานว่ารัฐบาลอิรักได้ให้การอนุมัติเบื้องต้นสำหรับแผนการที่จะกลับมาส่งออกน้ำมันจากภูมิภาคเคอร์ดิสถาน ผ่านท่อส่งน้ำมันอิรัก-ตุรกี
ขณะที่ ทาริค อัล-รอมี รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของคูเวตเปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ Al Qabas ว่า กำลังการผลิตน้ำมันดิบของคูเวตในขณะนี้อยู่ที่ 3.2 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นการประเมินที่สูงที่สุดในรอบกว่า 10 ปี
นักวิเคราะห์จาก SEB กล่าวว่า สถานการณ์ของตลาดน้ำมันในขณะนี้คือความต้องการน้ำมันทั่วโลกจะค่อย ๆ ลดลงตั้งแต่ไตรมาส 3 ไปจนถึงไตรมาส 4 และต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 1 ของปี 2569 ขณะเดียวกันการผลิตของกลุ่มโอเปกพลัสกำลังเพิ่มขึ้น
“คำถามใหญ่ก็คือ จีนจะกักเก็บน้ำมันส่วนเกินที่เพิ่มขึ้นไว้ในคลังหรือไม่ หรือราคาน้ำมันจะถูกฉุดลงสู่ระดับต่ำกว่า 50 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเราเชื่อว่าจะเป็นอย่างหลัง” นักวิเคราะห์กล่าว
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาดได้บดบังปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า สถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์อาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความตึงเครียดล่าสุดในตะวันออกกลางที่เกิดขึ้นเนื่องจากการที่หลายชาติในฝั่งตะวันตกได้ให้การรับรองรัฐปาเลสไตน์ ตลอดจนสถานการณ์ตึงเครียดในยุโรปตะวันออกที่เกิดขึ้นหลังจากเอสโตเนียระบุว่าเครื่องบินรบของรัสเซียได้รุกล้ำน่านฟ้าของตนโดยไม่ได้รับอนุญาตเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี สถานการณ์เหล่านี้ยังไม่ได้ส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักของอุปทานน้ำมันในขณะนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ก.ย. 68)
