
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เตรียมประชุมกับผู้นำระดับสูงของพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรส ได้แก่ สส. ฮาคีม เจฟฟรีส์ และ สว. ชัค ชูเมอร์ ในวันพฤหัสบดีนี้ (25 ก.ย.) เพื่อหารือเกี่ยวกับงบประมาณของรัฐบาล ท่ามกลางความเสี่ยงที่หน่วยงานรัฐบาลอาจต้องปิดทำการ หรือชัดดาวน์ หากไม่สามารถจัดทำงบประมาณใหม่ได้ก่อนเส้นตายวันที่ 30 ก.ย.นี้
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเจฟฟรีส์ ซึ่งเป็นผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎร และชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา ได้ส่งหนังสือถึงทรัมป์เมื่อวันที่ 20 ก.ย. เรียกร้องขอจัดการประชุมกับประธานาธิบดีเพื่อป้องกันการปิดหน่วยงานรัฐบาลเมื่อเงินงบประมาณปัจจุบันหมดลง โดยผู้นำทั้งสองระบุว่า แกนนำพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสปฏิเสธซ้ำ ๆ อย่างเปิดเผยที่จะไม่เข้าร่วมการเจรจาระหว่างสองพรรคเพื่อให้รัฐบาลดำเนินงานต่อไปได้ตามคำสั่งของประธานาธิบดี
บริการสุขภาพถือเป็นประเด็นหลักของความขัดแย้งเรื่องงบประมาณ โดยพรรคเดโมแครตต้องการเงินอุดหนุนเพิ่มเติมภายใต้กฎหมาย Affordable Care Act และการฟื้นฟูงบประมาณที่ถูกตัดไปจากโครงการ Medicaid สำหรับประชากรที่มีรายได้น้อย
ปัจจุบัน พรรครีพับลิกันครอง 53 ที่นั่งในวุฒิสภา ขณะที่เดโมแครตครอง 47 ที่นั่ง ส่วนในสภาผู้แทนราษฎร เป็นพรรครีพับลิกันอีกเช่นกันที่ครองเสียงข้างมาก 219 ต่อ 213 เสียง โดยเมื่อวันที่ 19 ก.ย. วุฒิสภาปฏิเสธร่างกฎหมายงบประมาณระยะสั้น และพักการประชุมหนึ่งสัปดาห์ ส่งผลให้มีความเป็นไปได้เพิ่มขึ้นที่จะเกิดการชัตดาวน์ เนื่องจากยังขาดเสียงสนับสนุน 60 เสียง ซึ่งจำเป็นต่อการยุติการขัดขวางกฎหมาย (filibuster)
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สภาคองเกรสประสบปัญหาในการผ่านงบประมาณ เนื่องจากความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างพรรคเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีความเสี่ยงที่รัฐบาลจะปิดทำการหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งจะส่งผลให้เจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้รับเงินเดือน และบริการของรัฐหลายด้านหยุดชะงัก
ทั้งนี้ การอภิปรายเรื่องงบประมาณประจำปีครอบคลุมเพียงประมาณ 1 ใน 4 ของงบประมาณรัฐบาลกลางทั้งหมดที่มีมูลค่า 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมถึงโครงการภาคบังคับ เช่น ประกันสังคม และ Medicare รวมถึงการชำระหนี้ของประเทศมูลค่า 37.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ก.ย. 68)