เพื่อไทย ยื่นร่างแก้รธน. เปิดสูตรเลือก สสร. ทางอ้อม 151 คน

นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ยื่นญัตติพร้อมเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อเปิดทางให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา หลังจากให้ สส.ร่วมเข้าชื่อได้ครบถ้วนแล้ว

สาระสำคัญของร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่พรรคเพื่อไทย เสนอให้แก้ไขใน 2 ส่วน คือ

ส่วนแรกแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 156 ว่าด้วยหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ใน 4 ประเด็น คือ เห็นชอบต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ โดยให้มี สสร เลือก สสร. เห็นชอบรัฐธรรมนูญ และเห็นชอบญัตติจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ส่วนที่สอง คือ เพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ภายหลังจากที่ประชาชนออกเสียงประชามติเห็นชอบให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งประกอบด้วยหลักเกณฑ์สำคัญ ได้แก่ 1.สิทธิของผู้มีสิทธิยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือ ครม. สส. สส.รวมกับสว. และประชาชน รวมถึงแก้ไขการลงมติของสมาชิกรัฐสภาต่อการรับหลักการญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้ใช้เกณฑ์เสียงเห็นชอบไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกที่มีอยู่ของสองสภา

2.กำหนดให้มี สสร. 151 คน ที่มาโดยให้รัฐสภาเลือก 100 คน จากผู้สมัครเข้ารับการเลือกเป็น สสร. จากแต่ละจังหวัดๆ ละ ไม่น้อยกว่า 1 คน ทั้งนี้กำหนดขั้นตอนได้มาของผู้สมควรได้รับเลือกเป็น สสร.แต่ละจังหวัดผ่านการเลือกตั้งของประชาชน ที่มียอดรวมทั้งสิ้น 300 คน และอีก 51 คนมาจากการแต่งตั้งโดยรัฐสภา ที่เลือกจากบุคคลที่เหมาะสม หรือเลือกจากชื่อที่เสนอมาจาก 14 องค์กร ได้แก่

1.สภาผู้แทนราษฎร ที่เสนอชื่อบุคคลที่ไม่ได้เป็น สส. ตามสัดส่วนจำนวนสส.ของแต่ละพรรค รวม 15 คน 2.สว. เสนอชื่อบุคคลที่ไม่ได้เป็น สว. 5 คน 3.ครม. เสนอชื่อบุคคลที่ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี 5 คน 4.ที่ประชุมใหญ่ศาลฏีกาเสนอชื่อบุคคลที่ไม่เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา 1 คน

5.ที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด เสนอชื่อบุคคลที่ไม่ได้เป็นผู้พิพากษาศาลปกครองสูงสุด 1 คน 6.สมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกรูปแบบ 3 คน 7.ที่ประชุมอธิการบดี สถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่เป็นนิติบุคคลทุกแห่ง ประชุมและเสนอชื่อ 2 คน 8.ที่ประชุมคณบดีคณะนิติศาสตร์และคณะรัฐศาสตร์หรือเทียบเท่าของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐทุกแห่ง ประชุมและเสนอชื่อบุคคล 2 คน

9.สมาคมวิชาชีพด้านกฎหมาย รัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ 3 คน 10.สภานักศึกษาสถาบันอุดมศึกษาของรัฐทุกแห่งเสนอชื่อบุคคล 2 คน

11.สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาเกษตรแห่งชาติ สภาองค์กรลูกจ้างแรงงานแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาองค์กรของผู้บริโภค และมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย เสนอรายชื่อบุคคลองค์กรละ 1 รายชื่อ รวม 8 คน12.สภาวิชาชีพสื่อมวลชนทุกแห่ง 2 คน 13.แพทยสภาและสภาวิชาชีพด้านสุขภาพ 2 คน และ 14.องค์กรเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนและกฎหมาย 1 คน ทั้งนี้กำหนดให้รัฐสภาเลือกภายใน 60 วันนับตั้งแต่มีเหตุให้ทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย ยังกำหนดให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดการเลือกตั้งเป็น สสร. ให้เสร็จภายใน 60 วัน และหลังเลือกตั้งแล้วเสร็จต้องรับรองผู้สมควรได้รับเลือกเป็น สสร. ทั้ง 300 คนให้เสร็จภายใน 15 วัน จากนั้นส่งรายชื่อให้ รัฐสภาพิจารณาและลงมติเลือกโดยวิธีลับทีละจังหวัด ให้เหลือ 100 คน ตามสัดส่วนของสสร.ที่พึงมีแต่ละจังหวัด ภายใน 15 วัน

ส่วนการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กำหนดให้ สสร. ตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 27 คนมาพิจารณา พร้อมกำหนดสัดส่วน กมธ.ยกร่าง ให้แต่งตั้งจากสมาชิก สสร. จำนวน 14 คน ซึ่งกำหนดให้คำนึงสัดส่วนภูมิภาคอย่างเป็นธรรม และเลือกจากบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ คือ ด้านกฎหมายมหาชน 5 คน ด้านรัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ 5 คน ผู้มีประสบการณ์ด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน และร่างรัฐธรรมนูญ รวม 3 คน รวมจำนวน 13 คน

สำหรับระยะเวลาการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พรรคเพื่อไทย กำหนดให้ทำให้เสร็จภายใน 180 วัน พร้อมกำหนดข้อห้ามจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีผลเปลี่ยนแปลงการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ

เมื่อสสร. ทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วเสร็จ ให้เสนอต่อรรัฐสภเพื่อเห็นชอบภายใน 30 วันนับแต่ได้รับเนื้อหา ทั้งนี้ให้สิทธิรัฐสภาเสนอความเห็นให้แก้ไขเพิ่มเติมและสสร.ต้องแก้ไขเพิ่มเติมตามความเห็นหรือยืนยันร่างรัฐธรรมนูญได้ โดยใช้เสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของสสร. และส่งคืนให้รัฐสภาเห็นชอบอีกครั้ง

แต่หากรัฐสภาโดยมติ 2 ใน 3 ของสมาชิกที่มีอยู่ไม่เห็นชอบ ถือว่าร่างรัฐธรรมนูญตกไป และให้สสร.ทำร่างใหม่ภายใน 90 วัน ภายใต้การเสนอญัตติของครม. สส. สส.และสว. ซึ่งกำหนดให้ทำได้เพียง 1 ครั้งของสมัยสภา ส่วนกรณีที่รัฐสภาได้รับความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ให้ส่งเนื้อหาให้กกต.จัดการออกเสียงประชามติเพื่อขอความเห็นชอบจากประชาชน

รายงานข่าว แจ้งว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าร่างแก้ไขเพิ่มเติมของ พท.ไม่มีข้อห้ามใด ๆ ของบุคคลที่เป็น ส.ส.ร. หรือ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เข้าไปดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ทางการเมือง การบริหารหรือองค์กรอิสระ ที่เป็นการปิดช่องที่จะถูกครหาว่า ฝ่ายต่าง ๆ เข้ามาทำกติกาเพื่อประโยชน์ของกลุ่มการเมืองหรือพรรคพวกของตนเอง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.ย. 68)