
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยเดือนตุลาคมว่า คาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways โดยมีปัจจัยที่อาจเป็นตัวกระตุ้น Sentiment ภายในประเทศ ได้แก่ ความคาดหวังในการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ เช่น นโยบายคนละครึ่ง ซึ่งหากเกิดขึ้นได้เร็ว คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยและการหมุนเวียนของเงินในประเทศได้บ้าง
ส่วนปัจจัยกระตุ้นอื่นที่อาจเกิดขึ้นในเดือนนี้ ได้แก่ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทย ซึ่งถ้าหากมีการลดดอกเบี้ยได้ 0.25% จะถือเป็นตัวแปรสนับสนุน Multiple ของดัชนีให้มีการขยับขยายขึ้นได้อีกเล็กน้อย ในทางกลับกัน ความเสี่ยงในเดือนนี้ ในฝั่งของปัจจัยต่างประเทศได้แก่ภาวะเศรษฐกิจโลก ที่เริ่มเห็นเครื่องชี้ต่างๆออกมาในทิศทางแย่กว่าคาดมากขึ้น
ส่วนปัจจัยในประเทศมองไปยังผลประกอบการไตรมาส 3/68 ที่จะทยอยประกาศออกมา ซึ่งอาจยังไม่มีทิศทางที่ดีขึ้นเท่าใดนัก โดยเฉพาะกลุ่ม Domestic play เนื่องจากเป็นช่วงสุญญากาศทางการเมือง และเป็นช่วง Low season ของการบริโภค
ประเมินกรอบแนวต้านของ SET Index ประจำเดือนตุลาคมที่ระดับ 1,300-1,320 จุด ซึ่งเป็นระดับเทียบเท่ากรณีฐานจากวิธี PE Model ของเรา ซึ่งอิงสมมติฐานการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของกนง.สู่ระดับ 1.25% เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้ตัวคูณ PE มีการขยับขึ้นมาอยู่ที่ 14.4x คูณกับประมาณการ EPS ปี 2025 ล่าสุดที่ 91 บาท ในทางกลับกัน ประเมินกรอบแนวรับดัชนี SET เดือนนี้จะอยู่ที่บริเวณ 1240-1250 จุด ซึ่งเป็นระดับเทียบเท่าเส้นค่าเฉลี่ย 75 วันและ 200 วันล่าสุด
กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจในช่วงนี้ยังคงได้แก่ กลุ่มหุ้น Bond-like อาทิ กอง IFF และกอง REIT กลุ่ม Defensive play เช่นโรงพยาบาลและสาธารณูปโภค รวมไปถึงกลุ่ม Domestic cyclicals เช่น ค้าปลีก ไฟแนนซ์ และอสังหาฯ ที่แนะใช้จังหวะที่ราคาอาจย่อตัวลงมาในช่วงของการประกาศงบไตรมาส 3/25 ในการเข้าซื้อ มองหุ้นที่น่าสนใจประจำเดือนนี้ ได้แก่ DIF, FTREIT, BDMS, BGRIM, CPAXT, KTC และ CPN
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ต.ค. 68)