น้ำมัน WTI ปิดลบ 59 เซนต์ กังวลโอเปกพลัสเพิ่มผลิต-สต็อกน้ำมันพุ่ง

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (1 ต.ค.) หลังมีกระแสคาดการณ์ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันมากถึง 500,000 บาร์เรล/วันในเดือนพ.ย. ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดภาวะน้ำมันล้นตลาด นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด รวมทั้งความกังวลว่าการที่หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ถูกปิดดำเนินการเนื่องจากขาดงบประมาณ หรือชัตดาวน์ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศ

  • ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 59 เซนต์ หรือ 0.95% ปิดที่ 61.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 68 เซนต์ หรือ 1.03% ปิดที่ 65.35 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันเบรนท์ปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 มิ.ย. และสัญญาน้ำมัน WTI ปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค. หลังจากมีกระแสคาดการณ์ในหมู่เทรดเดอร์ว่า กลุ่มโอเปกพลัสจะเพิ่มการผลิตน้ำมันมากถึง 500,000 บาร์เรล/วันในเดือนพ.ย. ซึ่งคิดเป็น 3 เท่าของการเพิ่มผลิตในเดือนต.ค. เนื่องจากซาอุดีอาระเบียพยายามที่จะทวงคืนส่วนแบ่งตลาด

กระแสคาดการณ์ดังกล่าวยังคงส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมัน แม้กลุ่มโอเปกพลัสโอเปกพลัสได้ออกมาปฏิเสธเรื่องนี้ก็ตาม โดยระบุว่ารายงานข่าวที่ว่าโอเปกพลัสมีแผนเพิ่มกำลังการผลิต 500,000 บาร์เรล/วันสำหรับเดือนพ.ย. ในการประชุมวันอาทิตย์ที่ 5 ต.ค.นี้ ไม่เป็นความจริง

ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 26 ก.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล

ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 4.1 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 578,000 บาร์เรล

นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะได้รับผลกระทบจากการที่หน่วยงานของรัฐบาลถูกชัตดาวน์ ขณะที่กระทรวงแรงงานเตือนว่า การชัตดาวน์จะทำให้ทางกระทรวงไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ รวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย. ซึ่งเป็นข้อมูลที่ตลาดจับตาอย่างใกล้ชิด

นักวิเคราะห์จากบริษัท PVM Oil Associates กล่าวว่า ขณะนี้นักลงทุนหันไปจับตาภาวะอุปทานชะงักงันในรัสเซีย อันเนื่องมาจากการที่ยูเครนยกระดับการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในรัสเซีย ขณะที่อเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรีรัสเซียกล่าวว่า สถานการณ์ด้านอุปทานเชื้อเพลิงโดยรวมในประเทศยังคงอยู่ภายใต้การควบคุม แม้ว่าบางภูมิภาคจะประสบปัญหาขาดแคลนเชื้อเพลิงก็ตาม

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ต.ค. 68)