นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงไทม์ไลน์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังสมาชิกรัฐสภาอภิปรายร่างฯ ครบทุกคน เพื่อให้ทันกรอบเวลาในการยุบสภา 4 เดือนว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น เป็นอำนาจของรัฐสภา รัฐบาลไม่สามารถเข้ามายุ่งเกี่ยวได้ แต่ขั้นตอนการทำประชามติมีกฎหมายกำหนดชัดเจนว่าให้ประธานรัฐสภาส่งร่างรัฐธรรมนูญแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดวันลงประชามติ และกำหนดคำถามที่จะทำประชามติ
ด้วยเหตุดังกล่าว จึงต้องกำหนดระยะเวลาหรือไทม์ไลน์จาก 3 ส่วน คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ, พ.ร.ป.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ และ MOA โดยไทม์ไลน์จะแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ
กรณีที่ 1 ใช้ พ.ร.ป.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติฉบับปัจจุบัน เริ่มนับ 4 เดือนตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.68 จะไปครบ 4 เดือน ก็จะต้องยุบสภาในวันที่ 31 ม.ค.69 ซึ่งตามกฏหมายต้องกำหนดให้มีการเลือกตั้งภายใน 45 วัน หรือไม่เกิน 60 วัน ดังนั้นหากยุบสภาตามกำหนด วันที่เหมาะสมในการเลือกตั้ง คือ วันอาทิตย์ที่ 29 มี.ค.69
ทั้งนี้ สมาชิกรัฐสภาจะต้องลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ไม่เกินวันที่ 15-20 ธ.ค.68 ส่วนการทำประชามติ นายกรัฐมนตรีและ กกต.จะต้องประกาศการจัดทำมติภายในวันที่ 30 ธ.ค.68
กรณีที่ 2 หากมีการประกาศใช้ พ.ร.ป.การออกเสียงประชามติฉบับที่ 2 และมีการประกาศใช้ กรณีนี้จะทำให้สภาฯ มีเวลามากขึ้นในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากกำหนดเวลาทำประชามติภายใน 60 วัน จากเดิม 90 วัน
ดังนั้นหากยุบสภาในวันที่ 31 ม.ค.69 มีการเลือกตั้งและทำประชามติพร้อมกันในวันที่ 29 มี.ค.69 รัฐสภาต้องลงมติให้ความเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ระหว่างในวันที่ 15-19 ม.ค.69 ส่วนการทำประชามติ นายกรัฐมนตรี และ กกต.จะต้องประกาศการจัดทำมติภายในวันที่ 29 ม.ค.69
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า กรณีที่นายบวรศักดิ์ ชี้แจงไทม์ไลน์ต่อที่ประชุมรัฐสภาว่าจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 29 มี.ค.69 นั้น เป็นไปตามไทม์ไลน์ที่นายบวรศักดิ์ได้วางไว้ ส่วนจะมีการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญพร้อมไปด้วยหรือไม่ คงต้องไปหารือกับ กกต.ก่อน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ต.ค. 68)
