
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้นในวันนี้ (20 ต.ค.) โดยบรรยากาศการซื้อขายได้แรงหนุนจากสัญญาณที่บ่งชี้ว่าสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เริ่มคลี่คลายลง
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 25,854.98 จุด เพิ่มขึ้น 607.88 จุด หรือ +2.41%, ดัชนีนิกเกอิปิดภาคเช้าที่ระดับ 48,970.40 จุด เพิ่มขึ้น 1,388.25 จุด หรือ +2.92% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,866.09 จุด เพิ่มขึ้น 26.34 จุด หรือ +0.69%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้พุ่งขึ้น 1.07% และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียบวก 0.37%
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณถึงความต้องการที่จะลดความตึงเครียดทางการค้ากับจีน โดยเมื่อผู้สื่อข่าวของฟ็อกซ์นิวส์ถามเกี่ยวกับภาษีศุลกากรในอัตราสูงถึง 100% ที่เขาขู่ว่าจะเรียกเก็บจากจีนเพิ่มเติมนั้น ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า ภาษีดังกล่าวจะไม่ใช่มาตรการที่ยั่งยืน
ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าในแดนบวก เนื่องนักลงทุนไม่ได้ให้น้ำหนักกับรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนที่ระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 3/2568 ของจีนขยายตัว 4.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่อ่อนแอที่สุดในรอบ 1 ปี และชะลอตัวลงจากไตรมาส 2 ที่มีการขยายตัว 5.2%
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของจีนนั้น การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้น 6.5% ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 5% และแข็งแกร่งกว่าในเดือนส.ค.ที่เพิ่มขึ้นเพียง 5.2% ขณะที่ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้น 3% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งแม้สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่ชะลอลงจากเดือนส.ค.ที่มีการขยายตัว 3.4%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ต.ค. 68)