
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (27 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีกในเดือนธ.ค. ซึ่งความกังวลดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากแนวโน้มความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมทั้งข่าวสหรัฐฯ คว่ำบาตรบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 19 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 61.31 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 32 เซนต์ หรือ 0.49% ปิดที่ 65.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ในการประชุมวันอาทิตย์ที่ 2 พ.ย.นี้ สมาชิกทั้ง 8 ประเทศของกลุ่มโอเปกพลัสมีแนวโน้มที่จะประกาศเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีกในเดือนธ.ค. เนื่องจากซาอุดีอาระเบียพยายามผลักดันให้เพิ่มกำลังการผลิตเพื่อทวงคืนส่วนแบ่งตลาด
ส่วนในการประชุมครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา โอเปกพลัสมีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 137,000 บาร์เรล/วันในเดือนพ.ย. หลังจากที่ปรับเพิ่มกำลังการผลิตในปริมาณ 137,000 บาร์เรล/วันในเดือนต.ค.เช่นกัน โดยก่อนหน้านี้ โอเปกพลัสได้ปรับลดกำลังการผลิตต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปีเพื่อพยุงราคาน้ำมันในตลาด แต่ในปีนี้ โอเปกพลัสได้เปลี่ยนแปลงท่าทีด้านนโยบายการผลิตเพื่อกลับมาแย่งชิงส่วนแบ่งในตลาดอีกครั้ง
ข่าวความเป็นไปได้ที่โอเปกพลัสจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีกนั้น ได้บดบังปัจจัยบวกจากแนวโน้มความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เปิดเผยในรายการ Meet The Press ของสำนักข่าว NBC News เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐฯ มีแนวโน้มบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับจีน ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯ หลีกเลี่ยงการเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากจีนในอัตรา 100% ขณะที่จีนจะยอมเลื่อนการควบคุมการส่งออกแร่หายาก
การเปิดเผยของเบสเซนต์ มีขึ้นก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ มีกำหนดพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในวันพฤหัสบดีที่ 30 ต.ค.นี้ นอกรอบการประชุมเอเปคที่เกาหลีใต้
สหรัฐฯ ได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรบริษัทรอสเนฟต์ (Rosneft) และลุคออยล์ (Lukoil) ซึ่งเป็นสองน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (22 ต.ค.) โดยมีเป้าหมายกดดันให้รัสเซียยุติสงครามในยูเครน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันของรัสเซียและเป็นปัจจัยบวกต่อราคาน้ำมัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ต.ค. 68)





