
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกแตะระดับสูงสุดเป็นประวัตการณ์ในวันอังคาร (28 ต.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน โดยได้แรงหนุนจากหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากมีรายงานว่าทางบริษัทจะสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้กับกระทรวงพลังงานของสหรัฐฯ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ก่อนที่บริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูงในกลุ่ม “Magnificent Seven” จะรายงานกำไรและรายได้ในสัปดาห์นี้
- ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 47,706.37 จุด เพิ่มขึ้น 161.78 จุด หรือ +0.34%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,890.89 จุด เพิ่มขึ้น 15.73 จุด หรือ +0.23% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,827.49 จุด เพิ่มขึ้น 190.04 จุด หรือ +0.80%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มบริการด้านการสื่อสารปรับตัวขึ้นมากที่สุดในดัชนี S&500 โดยพุ่งขึ้น 1.64% และ 0.31% ตามลำดับ ส่วนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ร่วงมากที่สุด โดยดิ่งลง 2.22% ตามด้วยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคร่วงลง 1.66%
หุ้น Nvidia ทะยานขึ้น 4.98% และเป็นปัจจัยหนุนบรรยากาศการซื้อขายโดยรวมในตลาด หลังจากเจนเซน หวง ซีอีโอของ Nvidia เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI จำนวน 7 เครื่องให้กับกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ และยังกล่าวด้วยว่าบริษัทมียอดจองชิป AI มูลค่า 5 แสนล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ Nvidia ยังได้ประกาศเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับโนเกีย (Nokia) ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมสัญชาติฟินแลนด์ โดยทั้งสองบริษัทจะร่วมกันพัฒนาโซลูชันเครือข่าย AI และสำรวจโอกาสในการนำผลิตภัณฑ์ระบบสื่อสารเกี่ยวกับศูนย์ข้อมูลของ Nokia ไปใช้ในโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ของ Nvidia ในอนาคต
การพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้น Nvidia ส่งผลให้มาร์เก็ตแคปของบริษัทปรับตัวขึ้นกว่า 2.30 แสนล้านดอลลาร์ แตะที่ระดับ 4.90 ล้านล้านดอลลาร์ และมีแนวโน้มที่จะผงาดขึ้นเป็นบริษัทที่มีมาร์เก็ตแคปสูงถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์เป็นรายแรก
ตลาดยังได้แรงหนุนจากหุ้น Microsoft ที่พุ่งขึ้นเกือบ 2% หลังจากบริษัทบรรลุข้อตกลงที่อนุญาตให้ OpenAI ทำการปรับโครงสร้างเป็นบริษัทเพื่อสาธารณประโยชน์ (Public Benefit Corporation – PBC) ขณะเดียวกันก็ทำให้ Microsoft ได้รับสัดส่วนการถือหุ้น 27% ใน OpenAI ซึ่งเป็นผู้สร้าง ChatGPT
หุ้น United Parcel Service (UPS) ซึ่งเป็นบริษัทจัดส่งพัสดุภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 8% หลังจากที่บริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่สูงกว่าคาด ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าการปรับโครงสร้างของบริษัทกำลังมีความคืบหน้า โดย UPS ได้ปิดโรงงานหลายร้อยแห่ง และลดการจ้างงานหลายพันตำแหน่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ที่สุด โดยมีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุน 3.5 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้
นักลงทุนมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยนักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของ LSEG คาดการณ์ว่า กำไรในไตรมาส 3 ของบริษัทในดัชนี S&P500 จะเพิ่มขึ้น 10.5% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ โดยขณะนี้มีบริษัทจำนวน 180 แห่งในดัชนี S&P500 ที่รายงานผลประกอบการแล้ว
นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีในกลุ่ม Magnificent Seven อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวโน้มการใช้จ่ายด้าน AI ของบริษัทเหล่านี้ โดยบริษัท Apple, Microsoft, Alphabet, Amazon และ Meta Platforms จะเปิดเผยกำไรและรายได้ในสัปดาห์นี้
ขณะเดียวกันนักลงทุนประเมินข่าวด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และบรรดาประเทศคู่ค้า โดยหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน จะหารือเกี่ยวกับกรอบการค้าเพื่อลดภาษีที่สหรัฐฯ เรียกเก็บต่อสินค้าจีน แลกกับการที่จีนให้คำมั่นว่าจะควบคุมการส่งออกสารเคมีตั้งต้นของเฟนทานิล โดยปธน.ทรัมป์และปธน.สี มีกำหนดพบกันในวันพฤหัสบดีนี้ นอกรอบการประชุมเอเปคซึ่งจัดขึ้นที่เกาหลีใต้
ส่วนในการพบกันระหว่างปธน.ทรัมป์ และซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีหญิงของญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ ผู้นำทั้งสองประเทศได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อรับประกันความมั่นคงของอุปทานแร่หายาก นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศจะพิจารณาจัดตั้งระบบสำรองแร่ร่วมกัน และร่วมมือกับพันธมิตรนานาชาติเพื่อสร้างความมั่นคงในห่วงโซ่อุปทานแร่หายาก โดยมีเป้าหมายที่จะลดการพึ่งพาจีน ซึ่งครองอำนาจในตลาดแร่หายากมายาวนาน
นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟด และการแถลงข่าวของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ในวันนี้ (29 ต.ค.) ตามเวลาสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 14,250 ตำแหน่งต่อสัปดาห์ ในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ADP เปลี่ยนแปลงการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงาน โดยต่อไปนี้ ADP จะรายงานตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนเฉลี่ย 4 สัปดาห์ทุกวันอังคาร จากเดิมที่รายงานตัวเลขการจ้างงานเป็นรายเดือนในวันพุธแรกของเดือนถัดไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ต.ค. 68)





