สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (5 พ.ย.) โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด รวมทั้งรายงานที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 96 เซนต์ หรือ 1.59% ปิดที่ 59.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 92 เซนต์ หรือ 1.43% ปิดที่ 63.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
มาร์ก คาร์นีย์ นายกรัฐมนตรีแคนาดาเปิดเผยแผนงบประมาณเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยส่งสัญญาณว่าแคนาดาอาจยกเลิกการจำกัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากน้ำมันและก๊าซ ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Price Futures Group กล่าวว่า การตัดสินใจดังกล่าวของแคนาดาอาจนำไปสู่การส่งออกน้ำมันมากขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีก 137,000 บาร์เรล/วันในเดือนธ.ค. แต่ได้ตัดสินใจระงับการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในไตรมาส 1/2569 ซึ่งนักลงทุนมองว่าการตัดสินใจดังกล่าวบ่งชี้ว่าโอเปกพลัสมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังปรับตัวลงหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 5.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล
อย่างไรก็ดี สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 4.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.5 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 643,000 บาร์เรล หลังจากที่ปรับตัวลดลง 3.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ การปรับตัวลงของสต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นบ่งชี้ว่าความต้องการเชื้อเพลิงในสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง และเป็นปัจจัยที่ช่วยให้ราคาน้ำมันลดช่วงลบ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 พ.ย. 68)
