หลายประเทศตกลงห้ามใช้ นำเข้า และส่งออกวัสดุอุดฟันแบบปรอททั่วโลกภายในปี 2577

ประเทศต่าง ๆ ที่ร่วมหารือเรื่องกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นเกี่ยวกับการใช้สารปรอทนั้น ได้ตัดสินใจเมื่อวันศุกร์ (7 พ.ย.) ที่จะห้ามใช้, นำเข้า และส่งออกวัสดุอุดฟันที่มีสารปรอททั่วโลกภายในปี 2577

การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการประชุมว่าด้วยอนุสัญญามินามาตะเรื่องสารปรอท (Minamata Convention on Mercury) ที่จัดขึ้นในเจนีวาในสัปดาห์นี้ โดยอนุสัญญานี้ตั้งชื่อตามเมืองชายทะเลในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น ซึ่งมีผู้คนจำนวนมากได้รับพิษจากสารปรอทในช่วงทศวรรษ 2490

ญี่ปุ่นซึ่งเคยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากโรคมินามาตะในอดีต ได้เริ่มลดการใช้วัสดุอุดฟันที่มีสารปรอทมาตลอดสิบปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีความกังวลด้านสุขภาพของประชาชน

ออสวัลโด อัลวาเรซ จากชิลี ซึ่งเป็นประธานการประชุมกล่าวขณะประกาศมติร่วมของผู้เข้าร่วมประชุมว่า นี่เป็นก้าวสำคัญของอนุสัญญา

แม้ว่าสหรัฐฯ และหลายประเทศในแอฟริกาจะผลักดันให้ยกเลิกการใช้วัสดุอุดฟันที่มีสารปรอทเร็วขึ้นในปี 2573 แต่การคัดค้านจากอังกฤษ อินเดีย และอิหร่าน ทำให้กำหนดเวลายกเลิกเลื่อนไปเป็นปี 2577

ผู้สนับสนุนระยะเวลาที่ยาวขึ้นบ่งชี้ว่า ต้องพิจารณาต้นทุนและความทนทานของทางเลือกอื่น ๆ แทนวัสดุอุดฟันที่มีสารปรอท

ทั้งนี้ สหภาพยุโรปห้ามใช้วัสดุอุดฟันที่มีสารปรอทมาตั้งแต่เดือนม.ค. ส่วนในญี่ปุ่นนั้น ระบบประกันสุขภาพจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการใช้วัสดุอุดฟันที่ปราศจากปรอท เช่น โลหะผสมแกลเลียม (gallium alloy) ในการอุดฟัน

อนุสัญญามินามาตะ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2556 ในเมืองคุมาโมโตะ มีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องสุขภาพมนุษย์และสิ่งแวดล้อมจากการปล่อยสารปรอทจากอุตสาหกรรมทั่วโลก โดยประเทศสมาชิกจะประชุมกันทุกสองปี

ในช่วงทศวรรษ 2490 ชาวเมืองชายฝั่งหลายคนประสบปัญหาระบบประสาทจากพิษของสารปรอท หลังรับประทานปลาที่ปนเปื้อนสารปรอทจากน้ำทิ้งของโรงงานเคมีใกล้เคียง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 พ.ย. 68)