
สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai IOD) โดยการสนับสนุนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เผยผลสำรวจคะแนน CGR ประจำปี 2568 ของบจ.ไทย 844 บริษัท มีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 83 คะแนน ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีมากแม้จะลดลงจากปี 2567 ที่มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 84 คะแนนเล็กน้อย เป็นผลมาจากการปรับเกณฑ์และแนวพิจารณาให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลเพิ่มขึ้น นอกจากนี้จากการประเมิน พบว่า บจ. ไทยมีแนวโน้มให้ความสำคัญกับการปรับบทบาทและภาวะผู้นำของคณะกรรมการในเชิงรุกมากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มต่างๆ
หากพิจารณาคะแนนเฉลี่ยรายหมวดของผลสำรวจในปี 2568 จะพบว่า ปีนี้ บจ. ยังคงรักษาระดับคะแนนเฉลี่ยเท่าเดิมไว้ได้ทุกหมวด ยกเว้น หมวดความรับผิดชอบของคณะกรรมการ ที่ได้รับคะแนนเฉลี่ยเพิ่มขึ้น โดยหมวดที่ได้รับคะแนนเฉลี่ยตั้งแต่ 80 คะแนน ขึ้นไป มี 3 หมวด ได้แก่ หมวดการเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใส สิทธิของผู้ถือหุ้นและการปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียมกัน และการคำนึงถึงบทบาทของผู้มีส่วนได้เสียและการพัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ซึ่งมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 88 86 และ 80 คะแนน ตามลำดับ ส่วนหมวดที่มีคะแนนเฉลี่ยในระดับ 70 คะแนน ได้แก่ หมวดความรับผิดชอบของคณะกรรมการ ซึ่งมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 73 คะแนน
นอกจากนี้เมื่อเปรียบเทียบจำนวนบริษัทตามผลการสำรวจที่ได้รับในแต่ละระดับ ซึ่งมีการประกาศผลตามจำนวนสัญลักษณ์ของคณะกรรมการบรรษัทภิบาลแห่งชาติ พบว่า มีบริษัทจดทะเบียน 651 บริษัทที่ได้รับคะแนนเฉลี่ยตั้งแต่ 70 คะแนน ขึ้นไป หรือระดับดีขึ้นไป ในจำนวนนี้มีบริษัทที่ได้รับคะแนน 90 คะแนนขึ้นไปหรือระดับดีเลิศ 374 บริษัท (ร้อยละ 57) มีบริษัทที่ได้รับคะแนน 80-89 คะแนน หรือระดับดีมาก 148 บริษัท (ร้อยละ 23) และบริษัทที่ได้รับคะแนน 70-79 คะแนน หรือระดับดี 129 บริษัท (ร้อยละ 20)
นายรพี สุจริตกุล ประธานกรรมการ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai IOD) กล่าวว่า “การกำกับดูแลกิจการที่ดีเป็นเสาหลักสำคัญของความยั่งยืนและความเชื่อมั่นในตลาดทุนไทย โดยผลสำรวจ CGR ปี 2568 สะท้อนการพัฒนาที่ก้าวหน้าและความตั้งใจของบริษัทจดทะเบียนในการยกระดับมาตรฐานด้าน ESG และธรรมาภิบาลอย่างต่อเนื่อง โครงการ CGR ในปีนี้เน้นการผสานธรรมาภิบาลเข้ากับการบริหารความเสี่ยงเชิงกลยุทธ์ และการเปิดเผยผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม เพื่อให้เกิดการกำกับดูแลที่โปร่งใสและสร้างคุณค่าในระยะยาว ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจะเป็นพลังขับเคลื่อนให้ตลาดทุนไทยเติบโตอย่างมั่นคงและแข่งขันได้ในระดับสากล”
นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ผลสำรวจ CGR ประจำปีนี้สะท้อนความมุ่งมั่นของบริษัทจดทะเบียนไทยในการยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแลกิจการ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะปีที่ผ่านมา ตลาดทุนไทยเผชิญความท้าทายจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงประเด็นด้านธรรมาภิบาลและการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงมุ่งมั่นยกระดับการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยร่วมกับสำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด ‘6 มาตรฐานองค์ความรู้กรรมการไทย’ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและส่งเสริมวัฒนธรรมการปฏิบัติหน้าที่อย่างมีความรับผิดชอบของกรรมการ พร้อมทั้งผลักดันมาตรฐานการรายงานทางการเงินและการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืน (IFRS S1 และ S2) เพื่อสะท้อนความเสี่ยงและโอกาสด้านความยั่งยืนของกิจการอย่างครบถ้วน
ทั้งนี้ การให้ความสำคัญจากระดับผู้นำองค์กรโดยเฉพาะคณะกรรมการ (Tone from the Top) เป็นปัจจัยหลักสู่ความสำเร็จในการขับเคลื่อนให้เกิดการปฏิบัติและติดตามวัดผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและความยั่งยืนของตลาดทุนไทย”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 พ.ย. 68)





