
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงผลการหารือทางโทรศัพท์กับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา ในระหว่างปฎิบัติภารกิจที่สาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมทั้งขอให้รัฐบาลไทยยังคงดำรงเป้าหมายการสร้างสันติภาพตามแนวทางที่ได้ลงนามในปฎิญญาที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ต่อไป
นายกฯ ระบุว่า ได้แจ้งต่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรีมาเลเซียว่า การที่กัมพูชาไม่เคารพต่อปฏิญญาและไม่ยอมรับผิดต่อเหตุการณ์ที่ทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บและต้องสูญเสียอวัยวะในครั้งนี้จะทำให้ประชาชนชาวไทยหมดความมั่นใจและความเชื่อถือต่อรัฐบาลกัมพูชาซึ่งจะยังผลให้การดำเนินการที่จะนำไปสู่การสร้างสันติภาพมีความยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง
โดยนายอนุทิน ได้ยืนยันจุดยืนของรัฐบาลไทยว่า รัฐบาลไทยจะระงับการดำเนินการภายใต้เนื้อหาที่ระบุไว้ในปฏิญญาจนกว่ากัมพูชาจะยอมรับว่าตนมิได้ปฏิบัติตามและได้ละเมิดเงื่อนไขดังกล่าว และต้องมีคำแถลงขอโทษต่อประชาชนชาวไทยในกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ภูมะเขือซึ่งได้ทำให้ทหารของไทยได้รับบาดเจ็บและสูญเสียอวัยวะ
เนื่องจากผู้ร่วมสังเกตการณ์จากหลายประเทศได้เข้าไปทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ได้ยืนยันว่า ทุ่นระเบิดทั้ง 4 ทุ่นเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่มีการลักลอบเข้ามาวางในเขตพื้นที่ของไทยหลังจากที่ไทยและกัมพูชาได้ลงนามในปฏิญญาที่กรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 แล้ว
พร้อมย้ำว่า รัฐบาลไทยไม่เคยมีเจตนารุกรานกัมพูชา แต่มีความพร้อมที่จะดำเนินการตอบโต้เพื่อปกป้องอธิปไตยและเกียรติภูมิของชาติและเพื่อสร้างความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของคนไทยในทุกวิถีทาง
นอกจากนี้ ได้เรียกร้องให้ผู้นำของทั้ง 2 ประเทศในฐานะที่เป็นสักขีพยานในปฏิญญาดังกล่าวให้ทำการแจ้งไปยังนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาให้เคารพและปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัดและมีความจริงใจต่อประเทศทั้ง 4 ที่ได้ร่วมกันลงนามในปฏิญญาเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ และได้ขอให้ผู้นำทั้ง 2 เน้นย้ำต่อผู้นำรัฐบาลกัมพูชาว่า จะต้องไม่มีการขัดขวางใด ๆของฝ่ายกัมพูชาต่อการเข้าไปเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่ฝ่ายกองทัพไทยเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งได้มีการกำหนดพิกัดและพื้นที่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ รัฐบาลไทยพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับทุกชาติ เพื่อเสริมสร้างสันติภาพในภูมิภาคอาเซียน แต่ในขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยก็ไม่ต้องการที่จะมีความสัมพันธ์ใด ๆ ต่อไปกับเพื่อนบ้านที่ไม่มีความจริงใจและคอยคุกคามอธิปไตยของไทยอยู่ตลอดเวลา
นายกรัฐมนตรี ยังระบุอีกว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้สอบถามความคืบหน้าการเจรจาการค้าไทย-สหรัฐ ซึ่งตนได้ขอลดอัตราภาษีนำเข้าให้กับไทยมากกว่าอัตรา 19% ที่ได้รับอยู่ โดยทางประธานาธิบดีสหรัฐฯ รับปากจะพิจารณาให้มีการปรับลดภาษีให้มากกว่านี้ ภายใต้เงื่อนไขหากกัมพูชาไม่ขัดขวางการถอนทุ่นระเบิดของไทย แล้วฝ่ายไทยสามารถดำเนินการเร่งถอนทุ่นระเบิดได้อย่างรวดเร็ว โดยระบุว่า “If you do the demining works quickly, I’ll consider chopping more percentage for you.”
ขณะที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ระบุว่า จะเร่งทำเอกสารในนามประธาน ASEAN เพื่อย้ำความเข้าใจและให้ทั้งสองประเทศได้ดำเนินการตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในปฏิญญาอย่างเคร่งครัดต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 พ.ย. 68)





