KCC กำไร 9 เดือนพุ่ง 131% ปิดดีลลูกหนี้ใหญ่หนุนสภาพคล่องแกร่ง ลุยเปิดพอร์ตลงทุนหุ้น 93 ลบ.

นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไนท คลับ แคปปิตอล โฮลดิ้ง [KCC] เปิดเผยว่า ในงวด 9 เดือนแรกปี 68 บริษัทมีกำไรสุทธิ 130.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 131 % เทียบงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 56.43 ล้านบาท โดยมีสาเหตุสำคัญจาก จากรายได้ดำเนินงานรวมเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น บริษัทมีรายได้รวม 291.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 197.47 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิและรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการปิดบัญชีลูกหนี้รายใหญ่ในพอร์ตลูกหนี้ภาคธุรกิจ ซึ่งสร้างทั้งกำไรทางบัญชีและเงินสดรับจริงเข้าสู่บริษัทอย่างแข็งแกร่งขณะที่งวดไตรมาส 3/68 บริษัทมีกำไรสุทธิ 18.02 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

” รายได้เติบโตทำให้ Operating Leverage ดีขึ้น ซึ่งผลประกอบการในงวด9เดือนแรกปีนี้สะท้อนถึงความสามารถของบริษัทในการบริหารพอร์ตลูกหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ บริหารต้นทุนเงินลงทุนได้อย่างเหมาะสม และควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีอย่างต่อเนื่อง แม้เผชิญ

สภาพเศรษฐกิจที่ท้าทาย บริษัทยังสามารถสร้างกำไรเติบโต และรักษากระแสเงินสดได้ในระดับที่มั่นคง”นายทวี กล่าว

นายทวี กล่าวว่า ในส่วนของค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายดำเนินงานลดลงโดยเฉพาะค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยลดลงกว่า 18% สะท้อนการบริหารโครงสร้างต้นทุนเงินลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งจากการทยอยลดภาระหนี้และการจัดหาเงินทุนต้นทุนต่ำที่เหมาะสมขึ้น ประกอบกับมีการโอนกลับ ECL บางส่วน ซึ่งแสดงถึงคุณภาพพอร์ตที่ดีขึ้น และความสามารถในการบริหารลูกหนี้ที่ยังเป็นไปตามแผนการบริหาร

ทั้งนี้ ณ สิ้น เดือน ก.ย.68 หนี้สินรวมลดลงเหลือ 1,257 ล้านบาท เงินกู้จากสถาบันการเงินลดลง ขณะที่หุ้นกู้อยู่ในระดับใกล้เคียงเดิม โครงสร้างเงินทุนโดยรวมยังคงอยู่ในระดับที่บริษัทสามารถบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่กดดันต่อสภาพคล่อง ส่วนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนภายในเดือน ต.ค.68 บริษัทได้มีการชำระคืนแล้ว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KCC กล่าวว่า สภาพคล่องรวมของบริษัทแข็งแรงขึ้น โดยมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเพิ่มขึ้นกว่า 28% สอดคล้องกับกำไรและกระแสเงินสดจากการบริหารพอร์ต NPL/NPA ที่ทำได้ดีในงวด 9 เดือนแรกของปี และการที่บริษัทมีสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง สามารถรองรับทั้งการลงทุนในพอร์ตใหม่ และความสามารถในการชำระคืนหนี้เงินกู้บางส่วนโดยไม่กดดันฐานะการเงิน

อย่างไรก็ตาม การบริหารพอร์ต NPL และ NPA ของบริษัทนั้น ในส่วนของ NPL ลดลง 9% จากการปิดบัญชีลูกหนี้และการรับชำระเงินตามกลไกของพอร์ตที่เข้าสู่ช่วงสร้างผลตอบแทน (maturity stage) ตามกระบวนการบริหารพอร์ตปกติ ในขณะที่ NPA เพิ่มขึ้น 8% สะท้อนผลจากการรับโอนหลักประกันจากกระบวนการกฎหมายเข้ามาเป็นทรัพย์สินรอการขาย โดยบริษัทมีการปรับกลยุทธ์การตลาด NPA เพื่อสร้างกำไรและเงินสดในระยะถัดไป

นายทวี กล่าวว่า สภาพคล่องของบริษัทที่แข็งแรงมากขึ้น ทำให้บริษัทนำเงินลงทุนในตราสารทุน (หุ้น) จำนวน 93 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งการลงทุนเชิงกลยุทธ์และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ภายใต้กรอบความเสี่ยงที่บริหารจัดการได้ เพื่อกระจายแหล่งรายได้และเพิ่มศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนในอนาคต แสดงให้เห็นถึงทิศทางเชิงรุกและความสามารถในการเลือกลงทุนที่เหมาะสมต่อสภาวะตลาด

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ย. 68)