เป็นที่ฮือฮากันไปพอสมควร กับการเปิดเผยรายชื่อ “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” ของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งวานนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่า จะให้ “นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง และนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เข้ามาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในนามพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากเห็นว่าทำงานดี ขยันขันแข็ง ตั้งใจจริง เป็นนักบริหารมืออาชีพ เก๋าเกมส์ เข้าใจงานเป็นอย่างดี โดยหวังจะให้มาช่วยทำงานเพื่อบ้านเมือง
ทั้งนี้ จะทำให้พรรคภูมิใจไทย มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี รวมทั้งหมด 3 คน ซึ่งนายอนุทิน ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะพรรคมีขนาดใหญ่ขึ้น จึงดำเนินการให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ โดยจะนำรายชื่อของนายเอกนิติ และนางศุภจี เสนอต่อที่ประชุมพรรคในวันที่ 23 พ.ย.นี้ด้วย และมีความเป็นไปได้ที่จะให้ทั้ง 2 คน เข้าเป็นสมาชิกพรรค และเป็น สส.บัญชีรายชื่อของพรรคภูมิใจไทย
จับสัญญาณความเป็นไปได้ที่นายกรัฐมนตรี จะชิง “ยุบสภา” ก่อนที่เคยกำหนดไว้ว่าจะเป็นสิ้นเดือนม.ค.69 หรือไม่ เนื่องจากขณะนี้ พรรคฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งนายกรัฐมนตรี มองว่า หากฝ่ายค้านจะขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล “แบบไม่ลงมติ” (ตามมาตรา 152) รัฐบาลก็พร้อมจะชี้แจงและตอบคำถาม เพื่อพิสูจน์ตัวเองในสิ่งที่ฝ่ายค้านมีข้อกังวล ซึ่งรัฐบาลจะไม่หนีการอภิปรายแน่นอน
แต่หากฝ่ายค้าน จะขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล “แบบลงมติ” (ตามมาตรา 151) รัฐบาลก็แพ้โหวตอยู่ดี เพราะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ นายกรัฐมนตรีก็จะยุบสภาทันที เพราะมีอำนาจในมือที่จะทำได้ และมั่นใจว่าพรรคภูมิใจไทย มีความพร้อมที่จะลงสู้ศึกสนามเลือกตั้งในปีหน้าแล้ว ท่ามกลางกระแสการย้ายพรรค ไม่ว่าจะบ้านเล็ก บ้านใหญ่จากพรรคต่าง ๆ ที่ตอนนี้ถนนทุกสายมุ่งมาสู่พรรคสีน้ำเงิน ซึ่งมีโอกาสที่จะทำให้พรรคภูมิใจไทย ผงาดขึ้นเป็นพรรคขนาดใหญ่ได้ในที่สุด
ท่ามกลางพรรคสีแดง ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญ แม้จะมีการยกเครื่องครั้งใหญ่ของ “พรรคเพื่อไทย” ไปแล้ว และได้ผู้บริหารพรรคที่ถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ อย่างนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ มาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ ซึ่งพอจะได้เห็นฝีไม้ลายมือจากการบริหารงานในตำแหน่ง รมช.คลัง ไปแล้วในสมัยรัฐบาลแพทองธาร แต่การไหลออกของคนในพรรคยังมีอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งอาจจะมองว่าเริ่มเป็นขาลงของพรรคเพื่อไทยแล้วหรือไม่ ในขณะที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้นำจิตวิญญาณคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย ก็ดูเหมือนจะโดนเคราะห์ซ้ำ กรรมซัด แม้ต้องโทษอยู่ในเรือนจำ ก็ยังมีคดีในอดีตกลับมารุมเร้ม ไม่ว่าจะเป็นคดี ม.112 และคดีหุ้นชินคอร์ป
ความเคลื่อนไหวด้านเศรษฐกิจและธุรกิจ
– นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดมหกรรมการเงิน “MONEY EXPO 2025 BANGKOK-YEAR END” วันที่ 20-23 พ.ย.68
ส่วนช่วงบ่าย นายเอกนิติ จะไปเปิดงานและปาฐกถาพิเศษในงานสัมนา “PRACHACHAT OUTLOOK THAILAND 2026 : ปรับ-เปลี่ยน-ไปต่อ”
– น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.แรงงาน เป็นประธานประชุมวิชาการประกันสังคม ประจำปี 2568″ ระบบประกันสังคม เพื่อสุขภาพและการคลังที่ยั่งยืน” อิมแพค เมืองทอง
– สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สรุปผลการดำเนินการ โครงการสร้างกำลังคนทางด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้กับผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม และผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ทางด้านอุตสาหกรรม (aFTi)
– บลจ.กรุงศรี แถลงข่าวแผนการดำเนินธุรกิจและมุมมองการลงทุนปี 2569
– การแสดงพลังของภาคประชาชน ในงานแถลงข่าว เพื่อตอบโต้ความพยายามของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และ สว.สายทุน ในการเตะถ่วง ตัดตอน คว่ำร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด
– ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จัดสัมมนา “ถอดรหัสฟื้นตลาดอสังหาฯ 2026”
ภารกิจคณะรัฐมนตรี (ครม.)
– นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย พร้อมคณะ เดินทางไปตรวจราชการจ.เชียงใหม่ เพื่อตรวจติดตามงานสำคัญตามนโยบายรัฐบาลทั้งเรื่องการป้องกันอุทกภัยระยะเร่งด่วน ตลอดจนด้านความมั่นคงของชาติ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยให้กับประชาชน
– ช่วงเย็น นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “Change for the Future” ในงานสัมมนา “PRACHACHAT OUTLOOK THAILAND 2026 : ปรับ-เปลี่ยน-ไปต่อ”
ภารกิจผู้บริหารกรุงเทพมหานคร (กทม.)
– นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวเปิดกิจกรรม PERSPECTIVES-A GIZ Thailand Business Dialogue Series ครั้งที่ 1 ขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศเยอรมัน (GIZ) ประเทศไทย ณ พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 พ.ย. 68)
