
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 400 จุดในวันจันทร์ (1 ธ.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร และข้อมูลที่บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐฯ หดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 อันเนื่องมาจากผลกระทบของมาตรการภาษีศุลการ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า
- ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 47,289.33 จุด ลดลง 427.09 จุด หรือ -0.90%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,812.63 จุด ลดลง 36.46 จุด หรือ -0.53% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,275.92 จุด ลดลง 89.76 จุด หรือ -0.38%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นแตะระดับ 4.092% ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อตลาด เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีซึ่งใช้อ้างอิงตราสารหนี้ทั่วโลกรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐฯ ด้วยนั้น จะทำให้ผู้บริโภคมีค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินกู้จำนองเพิ่มขึ้น และทำให้บริษัทต่าง ๆ มีต้นทุนการชำระหนี้ที่สูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุนและลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
ตลาดยังถูกกดดันจากรายงานของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) ซึ่งระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตปรับตัวลงสู่ระดับ 48.2 ในเดือนพ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 48.8 จากระดับ 48.7 ในเดือนต.ค. โดยดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากการที่โรงงานต่าง ๆ เผชิญกับคำสั่งซื้อที่ซบเซาและราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น สืบเนื่องจากมาตรการภาษีศุลการ
หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคร่วงลง 2.35% ตามด้วยหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ปรับตัวลง 1.5% ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเทคโนโลยี ดีดตัวขึ้น 0.9% และ 0.07% ตามลำดับ
หุ้นบริษัทคริปโทเคอร์เรนซีปรับตัวลง โดยหุ้น Coinbase ร่วงลง 4.8% และหุ้น Bitfarms ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ดิ่งลง 5.7% หลังจากราคาบิตคอยน์ดิ่งลงเกือบ 6% หลุดจากระดับ 85,000 ดอลลาร์ ขณะที่เว็บไซต์ CoinGecko ระบุว่า มูลค่าตลาดคริปโทฯ หายไปกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว นับตั้งแต่มูลค่าตลาดพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.6 ล้านล้านดอลลาร์
หุ้นบริษัท Strategy ซึ่งเป็นผู้ถือครองคริปโทฯ มากที่สุดในโลก ปิดตลาดร่วงลง 3.3% หลังจากที่ดิ่งลงรุนแรงถึง 12% ในระหว่างวัน ภายหลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์รายได้ในปีงบการเงิน 2568 อันเนื่องมาจากความอ่อนแอของราคาบิตคอยน์
หุ้น Synopsys ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ด้านการออกแบบชิป ปรับตัวขึ้น 4.9% หลังจาก Nvidia ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ ประกาศลงทุนมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ในบริษัท Synopsys
หุ้นกลุ่มค้าปลีกดีดตัวขึ้น ซึ่งรวมถึงหุ้น Walmart และหุ้น Target ท่ามกลางความหวังที่ว่ายอดขายของบริษัทค้าปลีกเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นในวัน Cyber Monday โดย Adobe Analytics คาดการณ์ว่ายอดขายทางออนไลน์ในวันดังกล่าวจะอยู่ที่ 1.42 หมื่นล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ ก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของเฟดจะมีขึ้นในวันที่ 9-10 ธ.ค. โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
สำหรับการคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยล่าสุดนั้น เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 85.4% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับลดดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ติดต่อกัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ธ.ค. 68)





