น้ำมัน WTI ปิดบวก 77 เซนต์ รับโอเปกพลัสระงับการเพิ่มผลิต

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (1 ธ.ค.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติระงับการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในไตรมาส 1/2569 อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากข่าวสหรัฐฯ ประกาศปิดน่านฟ้าเหนือเวเนซุเอลา รวมทั้งข่าวยูเครนโจมตีโจมตีโรงกลั่นน้ำมันและเรือบรรทุกน้ำมันของรัสเซีย

  • ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 77 เซนต์ หรือ 1.32% ปิดที่ 59.32 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 79 เซนต์ หรือ 1.27% ปิดที่ 63.17 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สมาชิก 8 ชาติของโอเปกพลัส ซึ่งประกอบด้วย ซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต โอมาน อิรัก คาซัคสถาน และแอลจีเรีย มีมติในการประชุมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า เมื่อพิจารณาถึงปัจจัยตามฤดูกาลแล้ว ที่ประชุมได้ตัดสินใจระงับการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในไตรมาส 1/2569 และได้กำหนดวันประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 4 ม.ค. 2569

มอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันเบรนท์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2569 สู่ระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล จากระดับ 57.50 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากกลุ่มโอเปกพลัสประกาศระงับการปรับเพิ่มกำลังการผลิตในไตรมาส 1/2569 ซึ่งเป็นการระงับครั้งแรกนับตั้งแต่โอเปกพลัสได้ปรับเพิ่มกำลังการผลิตในเดือนเม.ย.ปีนี้

ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่ยูเครนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันและเรือบรรทุกน้ำมันของรัสเซีย โดยแคสเปียน ไปป์ไลน์ คอนซอร์เทียม (Caspian Pipeline Consortium: CPC) ประกาศระงับการส่งออกน้ำมัน เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันรัสเซียที่ตั้งในทะเลดำถูกโจมตีด้วยโดรนของยูเครน

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศปิดน่านฟ้าเหนือเวเนซุเอลา ซึ่งทำให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกเผชิญกับความไม่แน่นอน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ธ.ค. 68)