FETCO เปิดดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนย่อลงสู่เกณฑ์ “ทรงตัว” จับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ-ดอกเบี้ยกนง.

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ในเดือน พ.ย.68 พบว่าดัชนีในอีก 3 เดือนข้างหน้าลดลงมาอยู่ที่ 101.55 ในเกณฑ์ “ทรงตัว” นักลงทุนมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคืออัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ

ส่วนปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ การถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ รองลงมาคือสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ และการนำเข้า-ส่งออก

ผลสำรวจโดยสรุป

– ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ก.พ.69) อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” (ช่วงค่าดัชนี 80-119) ที่ระดับ 101.55

– ความเชื่อมั่นกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” ในขณะที่กลุ่มนักลงทุนบุคคล กลุ่มนักลงทุนสถาบันอยู่และนักลงทุนต่างประเทศ อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว”

– หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ธนาคาร (BANK)

– หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดแฟชั่น (FASHION)

– ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ

– ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ

ผลสำรวจรายกลุ่มนักลงทุน พบว่า พบว่า ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล ปรับลด 23.7% อยู่ที่ระดับ 94.89 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับลด 9.1% อยู่ที่ระดับ 125.00 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับลด 23.2% อยู่ที่ระดับ 118.18 และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศปรับลด 28.6% อยู่ที่ระดับ 100.00

ในเดือน พ.ย.68 ดัชนี SET เคลื่อนไหวผันผวนและปรับลดลงต่อเนื่องจนหลุดกรอบ 1,300 จุด ท่ามกลางปัจจัยกดดันจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว อีกทั้งได้รับผลกระทบจากมหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว รวมถึงปัจจัยทางการเมืองที่ส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล โดยมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐผ่านโครงการคนละครึ่งพลัสและเที่ยวดีมีคืน

SET Index ณ สิ้นเดือน พ.ย.68 ปิดที่ 1,256.69 ปรับตัวลดลง 3.80% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือน พ.ย.68 อยู่ที่ 34,323 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 12,559 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปี 68 นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิรวม 113,298 ล้านบาท

ปัจจัยต่างประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ การประกาศนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งตลาดคาดว่าอาจไม่ลดดอกเบี้ยเนื่องจากขาดข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่เพียงพอ สถานการณ์ความตึงเครียดทางการทูตระหว่างประเทศญี่ปุ่นและจีน และสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่ยังไม่คลี่คลาย

ส่วนปัจจัยในประเทศ ได้แก่ แนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมของ กนง. ในการประชุมเดือน ธ.ค. รวมถึงทิศทางทางการเมืองไทยจากการจัดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญในวันที่ 12 ธ.ค.68 รวมถึงเม็ดเงินจากกองทุนประหยัดภาษี เช่น Thai ESG และ RMF ที่จะเข้ามากระตุ้นตลาดทุนไทยในช่วงเดือนสุดท้ายของปี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ธ.ค. 68)