
น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. อยู่ระหว่างการหารือกับกระทรวงการคลัง ในการแก้ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การให้ร้านทองรายงานธุรกรรม โดยจะเร่งรับฟังความคิดเห็น (hearing) ภายในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งการรายงานธุรกรรมการซื้อขายทองคำ เบื้องต้นจะมีเกณฑ์ด้านรายได้ มากำหนดว่าร้านใดจะเข้าข่ายการรายงานข้อมูลบ้าง ซึ่งไม่ได้ครอบคลุมทุกร้านทอง
โดยการรายงานข้อมูลร้านทอง จะแบ่งเป็น 1.แพลตฟอร์มการซื้อ-ขายทองคำ ซึ่งจะเป็นการรายงานรายธุรกรรม (Transaction) เนื่องจากผู้ประกอบการเหล่านี้ มีข้อมูลอยู่แล้ว และ 2.ข้อมูลธุรกรรมการซื้อ-ขาย ผ่านหน้าร้านทอง ซึ่งจะเป็นการรายงานธุรกรรม ณ สิ้นวัน
ขณะเดียวกัน ธปท.จะให้ธนาคารพาณิชย์ตรวจสอบธุรกรรม และเอกสารการซื้อ-ขายทองคำอย่างเข้มงวดมากขึ้น โดยจะต้องดูใบคำสั่งซื้อ หรือใบขนทองเมื่อมีธุรกรรมการส่งออกและนำเข้า เพื่อพิจารณาว่าธุรกรรมที่เกิดขึ้นสอดคล้องกับปริมาณธุรกรรม การทำธุรกรรมอัตราแลกเปลี่ยน (FX) จริงหรือไม่ รวมถึงการซื้อขายทองคำนั้นด้วยสกุลเงินใด เช่น ดอลลาร์ หรือคริปโทเคอเรนซี เป็นต้น ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อขายด้วยสกุลเงินดอลลาร์ และหากมีธุรกรรมต้องสงสัย นอกจากรายงานสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แล้ว ก็จะต้องรายงานต่อ ธปท.ด้วย
โฆษก ธปท. กล่าวว่า การแก้ประกาศกระทรวงการคลังดังกล่าว เพื่อให้มีการรายงานข้อมูลทองคำนั้น ไม่เป็นเพียงลดแรงกดดันค่าเงินบาทเท่านั้น แต่การเก็บข้อมูลจะเป็นผลดี ที่อย่างน้อยจะช่วยตรวจสอบเส้นทางการเงินได้ หากมีธุรกรรมต้องสงสับเกิดขึ้น แต่คงไม่ได้ลดธุรกรรมช่วยลดบาทแข็งค่ามากนัก แต่สามารถช่วยผ่อนแรงกดดันได้
อย่างไรก็ดี แนวโน้มเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ยอมรับว่าการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทมีความสัมพันธ์กับธุรกรรมทองคำ ซึ่งบางวันหากราคาทองคำขึ้นสูง และมีการคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะขึ้นอีก จะเป็นแรงกดดันค่าเงินบาทแข็งค่าเพิ่มขึ้น โดยบางวันเฉลี่ยสูงถึง 10-20% แต่ส่วนใหญ่การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท จะมาจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก โดยเฉพาะเงินดอลลาร์
“ธปท.ได้คุยกับกระทรวงการคลัง และขอความร่วมมือกับร้านทอง ซึ่งที่ผ่านมา ก็พูดคุยกันมาต่อเนื่อง และช่วยกันคิด ซึ่งร้านทองเองก็ไม่อยากเป็นอุปสรรคในการทำธุรกิจของคนอื่นด้วย ดังนั้น ต้นตอคงไม่ใช่เรื่องของเงินบาทแข็งอย่างเดียว แต่การมีข้อมูลไ ว้ก็จะเป็นผลดีมากกว่า เพราะเราสามารถตรวจสอบเส้นเงินได้ โดยในเบื้องต้น อาจจะขอความร่วมมือร้านทองร้านใหญ่ ๆ ก่อน เพราะการรายงานจะต้องมีการทำระบบต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน” โฆษก ธปท. ระบุ
น.ส.ชญาวดี กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ ธปท.ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นในเรื่องเกณฑ์การขยายวงเงินรายได้ต่างประเทศที่ไม่ต้องนำกลับประเทศ (Repatriation) จากเดิม 1 ล้านดอลลาร์ เป็น 10 ล้านดอลลาร์ โดยจะเปิดรับฟังความคิดเห็นไปจนถึงวันที่ 11 ธ.ค. 68 บนเว็บไซต์ของ ธปท.
“เรื่อง Repatriation น่าจะมีการ hearing ผู้เกี่ยวข้องก่อน ซึ่งจะช่วยลดการนำเงินดอลลาร์กลับเข้ามาแลกเป็นเงินบาท ลดเงินไหลเข้า และผู้เกี่ยวข้องสามารถบริหารจัดการธุรกรรมได้ดีขึ้น และลดแรงกดดันค่าเงินบาทได้ มองว่า Win Win ทั้ง 2 ฝ่าย” โฆษก ธปท.กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ธ.ค. 68)





