
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการประจำภาคใต้ และคณะอนุกรรมการประจำภาคใต้ชายแดน เป็นประธานการประชุมเพื่อกลั่นกรองแผนพัฒนาจังหวัด-กลุ่มจังหวัด และแผนปฏิบัติราชการประจำปี 2570 รวมถึงโครงการสำคัญของส่วนราชการ เพื่อใช้เป็นกรอบในการฟื้นฟูและวางอนาคตภาคใต้อย่างเป็นระบบ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชน
ที่ประชุมได้พิจารณาแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดภาคใต้ทั้งหมด 11 จังหวัด 2 กลุ่มจังหวัด และภาคใต้ชายแดน 3 จังหวัด 1 กลุ่มจังหวัด โดยมีการทบทวนศักยภาพ ปัญหา และโอกาสของแต่ละพื้นที่ใหม่ ปรับเป้าหมายและตัวชี้วัดให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งปัญหาอุทกภัยซ้ำซาก การขยายตัวของเมือง ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ และโอกาสด้านการท่องเที่ยว-เกษตรมูลค่าสูง-โลจิสติกส์สมัยใหม่
ในส่วนของแผนปฏิบัติราชการปี 2570 เร่งด่วน
– ภาคใต้ สนับสนุน 452 โครงการ วงเงินราว 3,900 ล้านบาท
– ภาคใต้ชายแดน สนับสนุน 150 โครงการ วงเงินกว่า 1,400 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอโครงการสำคัญจากส่วนราชการส่วนกลาง อาทิ โครงการยกระดับการท่องเที่ยวเรือสำราญ และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical–Wellness) โครงการยกระดับมาตรฐานปาล์มน้ำมัน-โอเลโอเคมิคอล โครงการป้องกันอุทกภัยพื้นที่ทะเลน้อย, โครงการพัฒนาสินค้าเกษตรอัตลักษณ์ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ,โครงการพัฒนาเยาวชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดจะถูกรวบรวมเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการบริหารจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.บ.) ในลำดับต่อไป
นายพิพัฒน์ กล่าวในที่ประชุมว่า ช่วงที่ผ่านมา พื้นที่หลายจังหวัดในภาคใต้ ทั้งสงขลา นครศรีธรรมราช พัทลุง รวมถึงจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญอย่างภูเก็ต ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากอุทกภัย ซึ่งรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมได้เร่งฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน เส้นทางคมนาคม และบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างต่อเนื่อง
จึงขอกำชับให้คณะอนุกรรมการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง “คิดไกลกว่าการซ่อมแซม” คือใช้โอกาสการฟื้นฟูเพื่อยกระดับภาคใต้ให้แข็งแรงกว่าเดิม โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจภาคใต้ ทั้งการท่องเที่ยวทางทะเล การท่องเที่ยวเชื่อมฝั่งอ่าวไทย-อันดามัน และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม–ศาสนา เช่น เส้นทางไหว้พระในนครศรีธรรมราช
สำหรับจังหวัดสงขลาและอำเภอหาดใหญ่ ซึ่งเป็นประตูท่องเที่ยวชายแดนสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย นายพิพัฒน์ย้ำว่า เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาครั้งแรก เราต้องทำให้เขาอยากกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เราจึงต้องฟื้นให้เร็ว และทำให้ปลอดภัยที่สุด ทั้งระบบคมนาคมและการบริการของเมือง พร้อมเน้นให้ทุกหน่วยงานช่วยกันดูแลเรื่อง ความปลอดภัยนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษ เพราะเป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้ภาคใต้เติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
ในวาระการประชุมว่าด้วยการพัฒนาพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ นายพิพัฒน์แสดงความห่วงใยเป็นพิเศษ ทั้งในมิติศาสนา การศึกษา ความมั่นคง และเศรษฐกิจครัวเรือน โดยระบุว่า สามจังหวัดชายแดนใต้มีพี่น้องชาวมุสลิมกว่า 80% จึงอยากเห็นการพัฒนา อุตสาหกรรมอาหารฮาลาล อย่างจริงจัง ควบคู่กับการดูแลด้านการศึกษา โดยเฉพาะโรงเรียนปอเนาะ เพื่อให้เยาวชนได้รับการปลูกฝังความรู้และพัฒนาทักษะด้านการงานอาชีพ ส่งเสริมให้เยาวชนเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาภาคใต้
นอกจากนี้ นายพิพัฒน์ยังเน้นย้ำการบูรณาการของจังหวัด ท้องถิ่น ศอ.บต. หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการและแก้ปัญหาที่มีอยู่ เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นอยู่ที่ดี ของประชาชนสามจังหวัดชายแดนใต้
อีกหนึ่งวิสัยทัศน์ระยะยาวที่นายพิพัฒน์หยิบยกในการประชุม คือ แนวคิดการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ให้เป็น “นิคมอุตสาหกรรมฮาลาล” รองรับการลงทุนด้านอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลระดับโลก
นายพิพัฒน์ ย้ำว่า รัฐบาลจะเดินหน้าฟื้นฟูภาคใต้จากวิกฤตอุทกภัย ควบคู่กับการวางรากฐานระยะยาว ทั้งด้านท่องเที่ยว การเกษตรมูลค่าสูง อุตสาหกรรมฮาลาล โลจิสติกส์ ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อสร้างอนาคตความเป็นอยู่ที่ดีให้ชาวใต้ 14จังหวัดได้อย่างยั่งยืน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ธ.ค. 68)





