
พรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์ประกาศความพร้อมเลือกตั้งเพื่อนำความหวังและโอกาสที่ดีกลับคืนสู่ประชาชน หลังรัฐบาลยุบสภา ชี้เป็นการหนีตรวจสอบและสะท้อนความล้มเหลวในการบริหารประเทศ
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า การยุบสภาของรัฐบาลครั้งนี้ คือ “การหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ และความรับผิดชอบ” ต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น จากการบริหารราชการแผ่นดินที่ผิดพลาด และไร้ประสิทธิภาพ ทั้งในประเด็นความขัดแย้งชายแดน ที่ยังแก้ไขไม่ได้อย่างยั่งยืน การโยกย้ายข้าราชการ และใช้งบประมาณเอื้อประโยชน์กลุ่มคนบางกลุ่ม ความน่าเชื่อถือของประเทศที่ตกต่ำในสายตานานาชาติ ประชาชนเดือดร้อนจากอุทกภัย เสียชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก กระบวนการยุติธรรมถูกบิดเบือน คดีสำคัญไม่เดินหน้าอย่างโปร่งใส
- ไร้ความจริงใจแก้รธน.-สัญญา MOA ไม่เป็นประชาธิปไตย
พรรคเพื่อไทย ระบุว่า รัฐบาลไม่เคยมีความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญตั้งแต่ต้น เพราะสัญญา MOA ที่จัดทำขึ้น ไม่ได้ตั้งอยู่บนหลักประชาธิปไตยตั้งแต่แรก และความพยายามของพรรคเพื่อไทย ที่จะสร้างกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญที่ยึดโยงประชาชน ก็ถูกปัดตกทันที
แถลงการณ์ยังชี้ว่า ประเทศไม่ได้ประโยชน์ใดจากกระบวนการนี้ กลับกลายเป็นการเปิดช่องให้พรรคภูมิใจไทย ใช้อำนาจ ทรัพยากร และเครือข่ายของรัฐในการแสวงหาผลประโยชน์ และสะสมอำนาจเพิ่มขึ้น
กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปไม่ถึงวาระ 3 นั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ตนเป็นคนหนึ่งที่พูดมาโดยตลอด เพราะเห็นมาตั้งแต่ต้นว่า MOA ที่ทำระหว่างพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน มีแต่ทางล้มเหลว เพราะเป็นดีลการเมืองที่พังพินาศที่สุดเท่าที่เคยมีมา และขัดต่อหลักการประชาธิปไตย
เมื่อเข้าสู่ดีลนี้กันแล้ว มีแต่จะไปสู่ความผิดพลาด สุดท้ายปรากฎชัดเมื่อวาน (11 ธ.ค.) ซึ่งเราสงสัยมาโดยตลอดถึงเรื่องความจริงใจของรัฐบาลที่จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
“เราพยายามเตือน พยายามบอกตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว สุดท้ายก็ปรากฏชัด เมื่อวานที่ประชุมรัฐสภา ทางพรรคภูมิใจไทยโหวตให้กับ สว. โดยให้เหตุผลว่าไม่สามารถไปคุยกับ สว.ได้ หรือไปควบคุมไม่ได้ จึงจำเป็นต้องยกมือให้ เพื่อหวังว่าวาระ 3 จะผ่าน ซึ่งหากจะมีคนเชื่อ ก็มีแต่พรรคประชาชน เพราะพรรคการเมืองอื่น ก็เห็นอยู่แล้วว่าการเคลื่อนไหวของ สว.ชุดนี้ มีความเชื่อมโยงกับพรรคภูมิใจไทยอย่างไร และจริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องประหลาด ซึ่งนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ก็ได้พูดเมื่อวานว่า ที่เข้าสู่ MOA ฉบับดังกล่าว เชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยมีอำนาจเหนือที่จะเจรจากับ สว.ชุดนี้ ฉะนั้น นายณัฐพงษ์ คงเชื่อเหมือนกับผมว่ากระบวนการฮั้ว สว.นั้นมีจริง” นายจุลพันธ์ ระบุ
ก่อนหน้านี้ พรรคประชาชน เคยมาเจรจาขอให้พรรคเพื่อไทยชะลอการยื่นอภิปราย พร้อมยืนยันว่าจะร่วมกันตรวจสอบรัฐบาล หากการแก้รัฐธรรมนูญไม่สามารถดำเนินต่อได้ แต่ในที่ประชุมรัฐสภาเมื่อคืน พรรคประชาชนกลับเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา ซึ่งเปิดโอกาสให้ฝ่ายบริหารใช้ช่องทางดังกล่าว หลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบจากฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย จึงเห็นว่าคู่สัญญาใน MOA ต้องรับผิดชอบต่อความล้มเหลวนี้ร่วมกัน
เพราะสภาวะประเทศขณะนี้ ทั้งสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เรื่องน้ำท่วมที่ยังแก้ไขไม่เสร็จ รัฐบาลกลับปัดทิ้งภาระความรับผิดชอบ และเลือกที่จะหนีการตรวจสอบผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และยุบสภา ทิ้งให้ประชาชนเดือดร้อนต่อไป แต่แน่นอนว่ากลไกภาครัฐยังสามารถเดินต่อไปได้ ทหารก็ดูแลชายแดนไป แต่รัฐบาลปัดความรับผิดชอบของตนเอง ยุบสภาหนีการตรวจสอบ
ในขณะที่พรรคประชาชน ซึ่งยอมรับว่าก่อนหน้านี้มีการพูดคุยกับนายณัฐพงษ์จริง ที่มาขอให้พรรคเพื่อไทย ชะลอการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐธรรมนูญมาตรา 151 และสุดท้ายมาพูดคุยกันว่า หากการลงมติในวาระที่ 2 มีปัญหาหรือแพ้ นายณัฐพงษ์ก็เชื่อว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจ ก็จะมาร่วมกับพรรคเพื่อไทย ในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ
แม้เสียดายโอกาสของประเทศที่สูญเสียไป เพราะการเมืองไร้เสถียรภาพ พรรคเพื่อไทย ย้ำว่า ประชาชนต้องไม่สิ้นหวัง โดยพรรคมีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการเลือกตั้งที่จะมาถึง เพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วน และวางรากฐานใหม่ให้ประเทศเดินหน้าได้อย่างแท้จริง
พรรคประกาศว่า ในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ จะมีการเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ทั้ง 3 คนของพรรค ภายใต้แคมเปญ “ยกเครื่องประเทศไทย เพื่อไทยทำได้” ซึ่งจะนำเสนอนโยบายด้านเศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐาน และคุณภาพชีวิต โดยยึดหลักคิด วิทยาศาสตร์-ข้อมูลจริง-ความเป็นไปได้ทางปฏิบัติ
รายงานข่าวระบุว่า พรรคเพื่อไทย ได้เรียกประชุม สส. และมีกรรมการบริหารพรรค แกนนำพรรค รวมถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และนายยศนัน วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่คาดว่าเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าพรรคในวันนี้ด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ธ.ค. 68)





