
เกษตรกรในประเทศกรีซปฏิเสธคำเชิญจากรัฐบาลเพื่อเปิดการเจรจาในวันเสาร์ (13 ธ.ค.) พร้อมทั้งประกาศว่าจะยกระดับการประท้วงที่ดำเนินมาเป็นสัปดาห์ที่สามแล้ว ซึ่งรวมถึงการปิดกั้นทางหลวง จุดผ่านแดน และท่าเรือ จนสร้างความปั่นป่วนให้กับการจราจรทั่วประเทศ
การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นระหว่างการประชุมตัวแทนเกษตรกรทั่วประเทศ โดยกลุ่มเกษตรกรระบุว่า พวกเขาจะยื่นข้อเรียกร้องเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน และจะเข้าสู่การเจรจาต่อเมื่อได้รับคำตอบที่เป็นรูปธรรมจากทางรัฐบาล
ชนวนเหตุของการประท้วงเกิดจากความล่าช้าในการจ่ายเงินอุดหนุนจากสหภาพยุโรป (EU) หลังจากที่มีการสอบสวนคดีทุจริตเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินทางการเกษตรของกรีซ นอกจากนี้ เกษตรกรยังเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยบรรเทาผลกระทบของต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น การล้มตายของปศุสัตว์จากโรคระบาด ความเสียหายจากสภาพอากาศ และปัญหาเชิงโครงสร้างที่มีมาอย่างยาวนาน
หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น To Vima รายงานความเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญว่า เกษตรกรชาวกรีกยังคงต้องพึ่งพาเงินอุดหนุนอย่างมาก โดยคิดเป็นประมาณ 47% ของรายได้เฉลี่ยของเกษตรกรแต่ละคน
เอฟสตาธิออส โคลนาริส ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เอเธนส์ กล่าวว่า “เกษตรกรต้องพึ่งพาเงินอุดหนุน ปัญหาเชิงโครงสร้างไม่เคยได้รับการแก้ไข ขณะที่ต้นทุนยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
ด้านรัฐบาลกรีซยอมรับถึงความล่าช้าในการจ่ายเงิน และให้คำมั่นว่าจะจัดสรรเงินทุนก้อนสำคัญให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนธันวาคม แต่ขณะเดียวกันก็ย้ำว่า การเบิกจ่ายทั้งหมดต้องเป็นไปตามกฎระเบียบของสหภาพยุโรป นอกจากนี้ รัฐบาลยังเตือนด้วยว่า ข้อเรียกร้องของเกษตรกรควรคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างด้วย
ทั้งนี้ แม้ผลสำรวจความเห็นประชาชนส่วนใหญ่จะแสดงให้เห็นว่า ชาวกรีกมองว่าข้อเรียกร้องของเกษตรกรมีความชอบธรรม แต่หลายคนก็ไม่เห็นด้วยกับการปิดกั้นถนน นอกจากนี้ ความกังวลยังเพิ่มสูงขึ้นว่าการเดินทาง การท่องเที่ยว และการค้าจะได้รับผลกระทบ หากการประท้วงยังคงดำเนินต่อเนื่องไปจนถึงช่วงเทศกาลคริสต์มาส
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ธ.ค. 68)





