
นายพงศกร ขวัญเมือง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรคถึงกระบวนการคัดเลือกผู้สมัคร สส. ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสัมภาษณ์ จากนั้นจะส่งให้สาขาพรรคเพื่อทำดำเนินการเลือกตั้งขั้นตอน (ไพรมารี่โหวต) ก่อนส่งให้กรรมการบริหารพรรคพิจารณาในขั้นตอนสุดท้าย เบื้องต้นในวันที่ 24 ธ.ค. จะมีข้อสรุปอย่างเป็นทางการ และหลังจากนั้นนจะมีการแถลงเพื่อเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส. รวมถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งพร้อมจะส่งแคนดิเดตรวมทั้งสิ้น 3 คน
สำหรับผู้ที่ยื่นเจตจำนงลงสมัครเป็น สส. เบื้องต้นมีเกินกว่าเขต เช่น กทม. มี 33 เขต มีผู้แสดงเจตจำนง 150 คน ขณะที่บัญชีรายชื่อ มีผู้แสดงเจตจำนง 400 คน ดังนั้นการพิจาณาคัดเลือกต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่เป็นทฤษฎีของบิล คลินตัน ได้แก่ ความชำนาญในพื้นที่ การสื่อสาร ประวัติที่ดี การนำเสนอนโยบาย รวมถึงสามารถระดมทุนสนับสนุนผู้สมัครได้ เป็นต้น
นายพงศกร กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์อยู่ในกระบวนการเปลี่ยนผ่านซึ่งเป็นเรื่องปกติ ทั้งนี้ อดีตสส.ของพรรคที่แสดงเจตจำนงลงสมัครรับเลือกตั้งต่อ จะอยู่ในพื้นที่เดิม รวม 6 คน ได้แก่ นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคดูแลภาคใต้ นายพิทักษ์เดช เดชเดโช นายทรงศักดิ์ มุสิกอง อดีต สส.นครศรีธรรมราช นายกาญจ์ ตั้งปอง อดีตสส.ตรัง นายศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง และ น.ส.สุภาพร กำเนิดผล อดีต สส.สงขลา
ขณะที่ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ ที่แสดงเจตจำนงมี 2 คน คือ นายชวน หลีกภัย และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ขณะที่นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีต สส.บัญชีรายชื่อ ไม่ได้แสดงเจตจำนง
“สำหรับผู้ที่ได้แสดงเจตจำนงลงสมัคร ทางพรรคยังมีกระบวนการทาบทามหากเห็นว่าเป็นผู้มีความรู้ความสามารถที่จะช่วยพรรรค ขณะที่สส.เขต หากบุคคลใดไม่ไม่ได้รับการเลือกขั้นต้น แต่ยังสามารถช่วยงานพรรคในส่วนอื่นได้ และอาจได้สิทธิรับการทาบทามให้ลงสมัครหากพบว่าผู้ที่ได้รับเลือกขาดคุณสมบัติ ทั้งนี้การเลือกของกรรมการบรริหารพรรคต้องยุติธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ “ นายพงศกร กล่าว
นายพงศกร กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ที่ผ่านมา พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตสส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างงชาติ ซึ่งเป็นบิดาของตนได้เข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ได้แสดงความจำนงจะลงสมัครสส. บอกเพียงว่าจะมาช่วยตนในการสู้ศึกเลือกตั้ง ซึ่งตนแสดงเจตจำนงลงสมัครสส.กทม. เขต 4 คลองเตยและวัฒนา ทั้งนี้ในเขตดังกล่าวมีตนแสดงความจำนงเพียงคนเดียวของพรรค จึงไม่ต้องแข่งกับใคร
นอกจากนี้ สิ่งที่พรรคฯ จะนำไปใช้ในการหาเสียงครั้งนี้ ประกอบด้วย
– การเมืองสุจริต พรรคประชาธิปัตย์ยืนหยัดในหลักการนี้มาตั้งแต่ก่อตั้งพรรค โดยชี้ว่าปัญหาในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นทุนเทา การคอร์รัปชัน หรือปัญหาการประมูล สส. ล้วนเกิดจากการเมืองที่ไม่สุจริต
– ความเป็นมืออาชีพ ในสถานการณ์ที่ประเทศต้องเผชิญกับสงครามการค้า ปัญหาชายแดน และเศรษฐกิจที่ชะลอตัว การมีเพียงนโยบายอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่พรรคมีสิ่งที่มากกว่าแค่นโยบาย ซึ่งก็คือความเชี่ยวชาญ ความชำนาญการ และมีที่ปรึกษาในการบริหารประเทศ อาทิ ด้านเศรษฐกิจ อย่าง นายพิสิฐ ลี้อาธรรม นายกรณ์ จาติกวณิช รวมถึงคนรุ่นใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจและการลงทุน อย่างนายวีระพงษ์ ประภา
– ความไว้วางใจ หากวันนี้จะต้องฝากประเทศไว้กับพรรคใดในการแก้ไขปัญหาไม่ว่าจะเป็นชายแดน หรือปัญหาเศรษฐกิจหรือสงครามการค้า ก็เชื่อมั่นได้ว่าสามารถฝากไว้กับพรรคประชาธิปัตย์ได้ เพราะพรรคไม่มีดีลลับ และมีความเป็นมืออาชีพ พรรคฯ พร้อมที่จะนำพาประเทศไปในทิศทางที่ถูกต้องมากกว่าการเล่นเกมการเมือง และสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ประเทศไทยพัฒนาได้
“พรรคประชาธิปัตย์มีผู้เชี่ยวชาญที่ทุกฝ่ายยอมรับ ทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรมว.คลังที่โลกยอมรับ ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพและเชี่ยวชาญ นอกจากนั้นยังมีคนรุ่นใหม่อีกหลายคนเช่น นายวีระพงษ์ ประภา รองหัวหน้าพรรค ที่เคยเป็นผู้แทนการค้าไทย จึงสะท้อนให้เห็นความเป็นมืออาชีพ พร้อมจะนำอนาคตของประเทศไทยไปในทางที่ถูกต้องมากกว่าเล่นเกมการเมือง และยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีดีลลับ” นายพงศกร กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ธ.ค. 68)





