
รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยวันนี้ (23 ธ.ค.) ว่า กำลังพิจารณากำหนดเพดานจำนวนแรงงานต่างชาติที่จะรับเข้ามาภายใต้ระบบฝึกอบรมและจ้างงานรูปแบบใหม่ไว้ที่ราว 426,000 คน ในช่วง 2 ปีแรก หลังเริ่มดำเนินโครงการในปีงบประมาณ 2570
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นในช่วงที่รัฐบาลญี่ปุ่นอยู่ระหว่างทบทวนนโยบายเกี่ยวกับชาวต่างชาติ รวมถึงมาตรการรับมือผู้ที่พำนักเกินกำหนดวีซ่า ตามคำสั่งของซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นต่อการหลั่งไหลเข้ามาของชาวต่างชาติ
ขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นซึ่งเผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงานเรื้อรังจากสังคมสูงวัย มีแผนยกเลิกโครงการฝึกปฏิบัติงานทางเทคนิคสำหรับชาวต่างชาติ ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์มาอย่างต่อเนื่องว่าเอื้อต่อการใช้แรงงานต้นทุนต่ำและมีปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน และจะเปลี่ยนไปใช้โครงการ “การจ้างงานเพื่อพัฒนาทักษะ” (Employment for Skill Development)
ระบบใหม่นี้มีเป้าหมายสนับสนุนให้แรงงานต่างชาติเปลี่ยนสถานะเป็นแรงงานทักษะเฉพาะทาง ซึ่งเปิดโอกาสให้สามารถพำนักและทำงานในญี่ปุ่นได้ระยะยาว หลังจากทำงานครบ 3 ปี
ตามร่างแนวทางเบื้องต้นที่เสนอต่อคณะผู้เชี่ยวชาญ ญี่ปุ่นมีแผนรับแรงงานภายใต้โครงการแรงงานทักษะเฉพาะทางสูงสุดราว 805,000 คน จนถึงเดือนมี.ค. 2572 ลดลงจากเป้าหมาย 820,000 คนที่กำหนดไว้เมื่อเดือนมี.ค. 2567
รัฐบาลระบุว่า การปรับลดเป้าหมายดังกล่าวสะท้อนความเชื่อมั่นว่า ญี่ปุ่นสามารถยกระดับผลิตภาพแรงงานเพื่อชดเชยจำนวนแรงงานที่ลดลงได้ ผ่านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพด้านอื่น ๆ
หากนับรวมแรงงานต่างชาติภายใต้โครงการเดิมและโครงการใหม่ ญี่ปุ่นจะรับแรงงานต่างชาติรวมประมาณ 1.23 ล้านคน ตามร่างแผนดังกล่าว โดยรัฐบาลมีเป้าหมายเสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติแผนในเดือนม.ค. หลังผ่านกระบวนการพิจารณา
ทั้งนี้ โครงการฝึกอบรมรูปแบบใหม่ครอบคลุม 17 สาขา อาทิ ภาคเกษตรกรรมและการก่อสร้าง ลดลงจาก 19 สาขาที่อยู่ภายใต้โครงการแรงงานทักษะเฉพาะทางในปัจจุบัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ธ.ค. 68)





