
ปี 2568 เป็นอีกหนึ่งปีที่โลกเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งด้านการเมือง สังคม เศรษฐกิจ เทคโนโลยี ไปจนถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบางประเทศ ไม่เพียงสร้างแรงสั่นสะเทือนในระดับประเทศหรือภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบเชื่อมโยงถึงกันในระดับโลก
“อินโฟเควสท์” ขอส่งท้าย In Focus สัปดาห์สุดท้ายของปีนี้ ด้วยการรวบรวมเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปีมาสรุปเป็นไทม์ไลน์ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและซับซ้อนยิ่งขึ้นของโลกใบนี้
20 มกราคม – โดนัลด์ ทรัมป์ เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐอเมริกา
28 มีนาคม – เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 7.7 แมกนิจูดใกล้กับเมืองมัณฑะเลย์ของเมียนมา โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ระดับความลึกเพียง 10 กิโลเมตร และใกล้กับรอยเลื่อนสะกายที่ทอดยาวผ่านตอนกลางของเมียนมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 5,300 รายในเมียนมา นอกจากนี้ยังรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้ถึงกรุงเทพฯ ส่งผลให้อาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่กำลังก่อสร้างเกิดพังถล่ม จนมีผู้เสียชีวิตเกือบ 100 ราย
2 เมษายน – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศ “วันแห่งการปลดปล่อย” (Liberation Day) สหรัฐฯ จากการค้าที่ไม่เป็นธรรมของประเทศอื่น ด้วยการประกาศมาตรการภาษีพื้นฐาน (Baseline Tariff) ในอัตรา 10% สำหรับการนำเข้าสินค้าจากเกือบทุกประเทศทั่วโลก พร้อมมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ที่เฉพาะเจาะจงกับหลายประเทศ
4 เมษายน – ศาลรัฐธรรมนูญมีคำพิพากษาถอดถอนยุน ซอกยอล พ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ สืบเนื่องจากเหตุการณ์ประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 โดยระบุว่าการกระทำของเขาผิดรัฐธรรมนูญอย่างร้ายแรง หลังจากนั้นสองเดือน ในวันที่ 4 มิถุนายน อี แจ-มยอง ชนะการเลือกตั้ง และขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนใหม่
21 เมษายน – สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส สิ้นพระชนม์ด้วยโรคหลอดเลือดสมองและภาวะหัวใจล้มเหลว สิริพระชนมายุ 88 พรรษา
22 เมษายน – กลุ่มติดอาวุธก่อเหตุกราดยิงนักท่องเที่ยวในหุบเขาไบซารัน เขตปาฮัลกัม ซึ่งเป็นดินแดนบนเทือกเขาหิมาลัยในรัฐจัมมูและแคชเมียร์ของอินเดีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 26 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 20 ราย นับเป็นการโจมตีพลเรือนครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบเกือบ 2 ทศวรรษของอินเดีย
18 พฤษภาคม – สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ทรงเริ่มสมณสมัยอย่างเป็นทางการ หลังจากที่ทรงได้รับเลือกจากคณะพระคาร์ดินัลให้เป็นพระสันตะปาปาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส
12 มิถุนายน – เกิดเหตุเครื่องบินของสายการบินแอร์อินเดีย (Air India) เที่ยวบิน 171 ประสบอุบัติเหตุตกที่เมืองอาเมดาบัด หลังขึ้นบินได้ไม่นาน โดยผลการสืบสวนเบื้องต้นระบุว่า สวิตช์ควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิงถูกสับปิดเกือบจะทันทีหลังจากที่เครื่องบินเทคออฟ ส่งผลให้เครื่องยนต์ทั้งสองข้างดับลง ก่อนพุ่งชนอาคารที่พักบุคลากรทางการแพทย์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตบนเครื่อง 241 ราย รอดชีวิตเพียง 1 ราย ขณะที่ภาคพื้นดินมีผู้เสียชีวิต 19 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเกือบ 70 ราย
13 มิถุนายน – อิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายหลายสิบแห่งทั่วอิหร่าน โดยอ้างว่าเพื่อหยุดยั้งการขยายโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน นำไปสู่ “สงคราม 12 วัน” ที่สิ้นสุดลงในวันที่ 24 มิถุนายน ภายใต้ข้อตกลงหยุดยิง
16 กรกฎาคม – ทหารไทยเหยียบกับระเบิดที่ฝ่ายกัมพูชานำมาวางไว้ในพื้นที่ชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้ทหารนายหนึ่งข้อเท้าขาด ถัดมาอีกหนึ่งสัปดาห์ เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี ส่งผลให้ทหารไทยบาดเจ็บ 5 นาย โดยมีอาการสาหัส 1 นาย ต่อมาในเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม กัมพูชาเปิดฉากยิงจรวดโจมตีเป้าหมายพลเรือนในเขตแดนไทย ส่งผลให้ประชาชนบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ไทยตอบโต้จนเกิดการปะทะกันหลายจุด การสู้รบดำเนินต่อไปจนกระทั่งผู้นำรัฐบาลไทยและกัมพูชาได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย มีผลเที่ยงคืนวันที่ 28 กรกฎาคม
15 สิงหาคม – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย จัดการประชุมสุดยอดร่วมกันเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ณ ฐานทัพเอลเมนดอร์ฟ-ริชาร์ดสัน ในเมืองแองเคอเรจ รัฐอะแลสกา โดยมีเป้าหมายเพื่อยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน แต่จบลงโดยไม่มีการบรรลุข้อตกลงใด ๆ
31 สิงหาคม – เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 6.0 แมกนิจูดทางตะวันออกของอัฟกานิสถานติดชายแดนปากีสถาน โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ระดับความลึกเพียง 8 กิโลเมตร ในเขตนูร์กัล จังหวัดคูนาร์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 2,200 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 4,000 ราย
3 กันยายน – จีนจัดพิธีสวนสนามทางทหารครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อฉลองครบรอบ 80 ปีแห่งชัยชนะในสงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นและสงครามต่อต้านฟาสซิสต์โลก ณ จัตุรัสเทียนอันเหมิน กรุงปักกิ่ง โดยมีผู้นำคนสำคัญอย่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือเข้าร่วม นอกจากนี้ยังมีการแสดงแสนยานุภาพทางทหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดตัวอาวุธนิวเคลียร์ 3 ประเภท ครอบคลุมการยิงจากภาคพื้นดิน ทะเล และอากาศ (Nuclear Triad) เป็นครั้งแรก
8 กันยายน – เกิดการประท้วงของ “Gen Z” ในเนปาล หลังรัฐบาลประกาศแบนโซเชียลมีเดีย 26 แพลตฟอร์ม สร้างความเดือดดาลให้กับเยาวชนชาวเนปาลที่ไม่พอใจอยู่แล้วกับปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันและการอวดรวยของบรรดาลูกหลานนักการเมือง นำไปสู่การลุกฮือประท้วงขับไล่รัฐบาลครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี ส่งผลให้นายกรัฐมนตรี เค พี ศรรมะ โอลี ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง แต่เหตุการณ์ก็ยังลุกลามกลายเป็นการจลาจล ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 70 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 2,000 คน
10 กันยายน – ชาร์ลี เคิร์ก นักเคลื่อนไหวทางการเมืองชาวอเมริกัน ผู้สนับสนุนคนสำคัญของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกยิงเสียชีวิตระหว่างเข้าร่วมกิจกรรมโต้วาทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางการเมือง ณ มหาวิทยาลัยยูทาห์แวลลีย์
10 ตุลาคม – ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสมีผลบังคับใช้ นำไปสู่การแลกเปลี่ยนตัวประกันระหว่างทั้งสองฝ่าย รวมถึงการถอนกำลังทหารอิสราเอลบางส่วนออกจากกาซา และการเปิดทางให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่กาซาบางส่วน
10 ตุลาคม – สื่อต่างประเทศหลายสำนักเริ่มรายงานข่าวการเสียชีวิตของนักศึกษาชายชาวเกาหลีใต้ ซึ่งถูกแก๊งอาชญากรรมในกัมพูชาหลอกไปทำงานและทรมานจนเสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม ซึ่งเป็นชนวนเหตุให้เกาหลีใต้และนานาประเทศกดดันให้กัมพูชาปราบปราบแก๊งสแกมเมอร์
26 ตุลาคม – ไทยและกัมพูชาลงนามถ้อยแถลงร่วม (Joint Declaration) ว่าด้วยผลการพบหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีของสองประเทศ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย โดยมีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ร่วมเป็นสักขีพยาน อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน กัมพูชาละเมิดการปฏิบัติตามถ้อยแถลงร่วม ด้วยการลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในเขตแดนไทยที่ห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จนเป็นเหตุให้ทหารไทยบาดเจ็บทุพพลภาพถาวร และในวันที่ 12 พฤศจิกายน หรืออีกเพียงสองวันถัดมา ฝ่ายกัมพูชายังได้ละเมิด Joint Declaration ซ้ำอีก ด้วยการยิงปืนเข้ามาฝั่งไทยบริเวณชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ทำให้ทหารไทยจำเป็นต้องตอบโต้เพื่อปกป้องอธิปไตยและป้องกันตนเอง ตามกฎการใช้กำลังและหลักกฎหมายระหว่างประเทศ
29 ตุลาคม – ราคาหุ้นของอินวิเดีย (Nvidia) ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นกว่า 4% ส่งผลให้มูลค่าตลาดของบริษัททะลุระดับ 5 ล้านล้านดอลลาร์ ขึ้นแท่นเป็นบริษัทแรกของโลกที่มีมูลค่าตลาดทะลุระดับดังกล่าว
30 ตุลาคม – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน พบกันครั้งแรกในรอบ 6 ปี ณ เมืองปูซาน เกาหลีใต้ นอกรอบการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค โดยสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน แลกกับการที่จีนกลับมาซื้อถั่วเหลืองของสหรัฐฯ ส่งออกแร่หายาก และกวาดล้างการค้าเฟนทานิล
7 พฤศจิกายน – ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่น แถลงต่อรัฐสภาญี่ปุ่นว่า สถานการณ์ฉุกเฉินในไต้หวันอาจก่อให้เกิด “สถานการณ์คุกคามการอยู่รอด” ของญี่ปุ่น และทำให้ญี่ปุ่นสามารถใช้สิทธิในการป้องกันตนเอง ซึ่งบอกเป็นนัยว่าญี่ปุ่นอาจเข้าแทรกแซงทางทหารหากจีนโจมตีไต้หวัน โดยถ้อยแถลงดังกล่าวได้จุดชนวนความตึงเครียดครั้งใหม่ระหว่างจีนกับญี่ปุ่น
26 พฤศจิกายน – เกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ที่โครงการที่พักอาศัย หวั่งฟุกคอร์ต (Wang Fuk Court) ในเขตต้าผู่ของฮ่องกง โดยเปลวเพลิงได้ลุกลามอย่างรวดเร็วสู่อาคาร 7 หลัง จากทั้งหมด 8 หลัง ที่มีความสูง 31 ชั้น ประกอบด้วยอพาร์ตเมนต์ราว 2,000 ยูนิต รองรับผู้อยู่อาศัยประมาณ 4,500 คน ขณะที่อาคารกำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงซ่อมแซมหลังสร้างมานานกว่า 40 ปี เหตุการณ์นี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 161 ราย ขณะที่การตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อระบุตัวตนยังคงดำเนินต่อไป
7 ธันวาคม – สถานการณ์สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชาปะทุขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ทางกัมพูชาได้เปิดฉากโจมตีไทยก่อนที่บริเวณภูผาเหล็ก-พลาญหินแปดก้อน จ.ศรีสะเกษ และฝ่ายไทยดำเนินการตอบโต้
10 ธันวาคม – ออสเตรเลียเป็นประเทศแรกของโลกที่บังคับใช้กฎหมายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, Reddit, Snapchat, Threads, TikTok, X และ YouTube โดยกำหนดให้แพลตฟอร์มเหล่านี้ต้องตรวจสอบอายุและระงับบัญชีผู้ใช้ที่อายุต่ำกว่าเกณฑ์เพื่อปกป้องเด็กจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ การล่อลวง และเนื้อหาที่เป็นอันตราย หากฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุด 49.5 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 1 พันล้านบาท)
14 ธันวาคม – เกิดเหตุกราดยิงที่หาดบอนได (Bondi Beach) ในนครซิดนีย์ของออสเตรเลีย ในขณะที่ชุมชนชาวยิวมารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลฮานุกกะห์ ผู้ก่อเหตุเป็นสองพ่อลูก โดยผู้เป็นพ่ออายุ 50 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนลูกชายวัย 24 ปีได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยมีแรงจูงใจมาจากอุดมการณ์ของกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) เหตุการณ์นี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 16 ราย (รวมผู้ก่อเหตุ) และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 40 ราย
16 ธันวาคม – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศขึ้นบัญชีรัฐบาลเวเนซุเอลาเป็น “องค์กรก่อการร้ายต่างชาติ” โดยกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมายต่าง ๆ รวมถึงการค้ายาเสพติด พร้อมสั่งการให้ปิดล้อมเรือบรรทุกน้ำมันทุกลำที่ถูกคว่ำบาตร ไม่ให้เดินทางเข้าและออกจากเวเนซุเอลา เพื่อเพิ่มแรงกดดันทางเศรษฐกิจและการเมืองต่อรัฐบาลของประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ซึ่งสถานการณ์ตึงเครียดดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำและน้ำมันพุ่งสูง
18 ธันวาคม – ByteDance บริษัทแม่จากประเทศจีนของแพลตฟอร์ม TikTok บรรลุข้อตกลงขายสินทรัพย์ในสหรัฐฯ ออกไปกว่า 80% เพื่อเลี่ยงคำสั่งแบนของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยได้ลงนามข้อตกลงร่วมกับกลุ่มนักลงทุนหลัก 3 ราย ได้แก่ Oracle, Silver Lake และ MGX เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่ในชื่อ TikTok USDS Joint Venture LLC
22 ธันวาคม – จังหวัดนีงาตะของญี่ปุ่นเห็นชอบให้กลับมาเดินเครื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์คาชิวาซากิ-คาริวะ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก นับเป็นการกลับมาเดินเครื่องครั้งแรกในรอบ 15 ปี หลังเกิดภัยพิบัติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิเมื่อปี 2554 โดยคาดว่าเครื่องปฏิกรณ์เครื่องแรกจากทั้งหมด 7 เครื่องที่โรงไฟฟ้าแห่งนี้จะกลับมาเปิดใช้งานอีกครั้งวันที่ 20 ม.ค. 2569
เหตุการณ์ตลอดปี 2568 แสดงให้เห็นว่าโลกยังคงอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของประวัติศาสตร์ ท่ามกลางความขัดแย้งและความไม่แน่นอนที่ถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน เหตุการณ์เหล่านี้ก็สะท้อนถึงความพยายามในการประคับประคองและกำหนดทิศทางอนาคตร่วมกัน เหตุการณ์ตลอดปี 2568 จึงไม่เพียงเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ของโลก หากยังเป็นบทเรียนสำคัญในการรับมือกับความท้าทายและความไม่แน่นอนของโลกในอนาคต
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ธ.ค. 68)





