
บริษัทบีพี (BP) ประกาศในวันนี้ (24 ธ.ค.) ว่าได้ทำข้อตกลงขายหุ้น 65% ในคาสตรอล (Castrol) ให้แก่บริษัทด้านการลงทุน สโตนพีก (Stonepeak) คิดเป็นมูลค่าราว 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์หล่อลื่นของบีพีมีมูลค่าประเมินรวมอยู่ที่ 1.01 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ภายใต้ข้อตกลงนี้ บีพียังคงได้รับประโยชน์จากแผนการเติบโตของคาสตรอลในอนาคต ผ่านการถือหุ้น 35% ในบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ ส่วนสโตนพีกจะถือหุ้นที่เหลือ 65% ทั้งนี้ บีพีมีสิทธิพิจารณาขายหุ้นส่วนที่เหลือได้หลังจากพ้นกำหนดห้ามขายหุ้นเป็นเวลา 2 ปี
บีพีระบุว่า จะนำเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์ครั้งนี้ ซึ่งรวมถึงเงินจากการเร่งจ่ายเงินปันผลจำนวน 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปใช้ลดภาระหนี้สินของบริษัท
ทางด้านสโตนพีกเปิดเผยว่า คณะกรรมการพิจารณาการลงทุนของแผนบำนาญแคนาดา (CPPIB) จะร่วมลงทุนด้วยเป็นเงินสูงสุด 1.05 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นทางอ้อมในคาสตรอล
ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) และไฟแนนเชียลไทมส์ (FT) ได้รายงานรายละเอียดของดีลนี้เป็นครั้งแรกเมื่อค่ำวันอังคารที่ผ่านมา (23 ธ.ค.)
เมื่อเดือนพ.ย. 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์เคยรายงานว่าบีพีกำลังเจรจากับสโตนพีก เนื่องจากยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานรายนี้ตั้งเป้าขายสินทรัพย์มูลค่ารวม 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2570 เพื่อลดหนี้และตัดลดค่าใช้จ่าย
กระบวนการขายหุ้นคาสตรอลเริ่มขึ้นเมื่อต้นปี 2568 หลังจากบีพีประกาศทบทวนแผนธุรกิจผลิตภัณฑ์หล่อลื่นในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในภาพกว้างเพื่อถอยห่างจากธุรกิจพลังงานหมุนเวียน จนกระทั่งสโตนพีกและบริษัท “วัน ร็อก” (One Rock) ได้ยื่นข้อเสนอซื้อในเดือนก.ย.
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บีพีเพิ่งแต่งตั้ง เม็ก โอนีลล์ จากวูดไซด์ เอเนอร์จี (Woodside Energy) ให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ต่อจากเมอร์เรย์ ออคินคลอสส์ เพื่อเร่งกู้คืนความสามารถในการทำกำไรและราคาหุ้นที่ตามหลังคู่แข่งอย่างเอ็กซอน (Exxon) มานานหลายปี
นอกจากนี้ ในเดือนส.ค. 2568 อัลเบิร์ต แมนิโฟลด์ ประธานกรรมการบีพี ได้สั่งทบทวนแนวทางการสร้างรายได้จากสินทรัพย์การผลิตน้ำมันและก๊าซ พร้อมเรียกร้องให้ปรับโครงสร้างพอร์ตโฟลิโอของบริษัทขนานใหญ่เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ธ.ค. 68)





