
คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นอนุมัติร่างงบประมาณเบื้องต้นประจำปีงบประมาณ 2569 ซึ่งมีมูลค่าสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 122.31 ล้านล้านเยน (7.85 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในวันนี้ (26 ธ.ค.) โดยการอนุมัติร่างงบประมาณดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เดินหน้านโยบายการคลังแบบขยายตัวเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ พร้อมกับเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมเพื่อเร่งสร้างแสนยานุภาพทางทหาร
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า แผนงบประมาณรายจ่ายทั่วไปนี้ ถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันเป็นปีที่สอง โดยสูงกว่างบประมาณเบื้องต้นปีงบฯ 2568 ซึ่งอยู่ที่ 115.20 ล้านล้านเยน เนื่องจากราคาสินค้าที่สูงขึ้นได้ทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรและค่าใช้จ่ายคงที่อื่น ๆ ปรับตัวสูงขึ้นด้วย ประกอบกับประชากรสูงวัยที่เพิ่มขึ้นทำให้ค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการสังคมเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ภายใต้ร่างงบประมาณสำหรับปีงบประมาณหน้า ซึ่งจะเริ่มในเดือนเม.ย. 2569 รัฐบาลญี่ปุ่นวางแผนที่จะออกพันธบัตรใหม่มูลค่า 29.58 ล้านล้านเยน เพื่อชดเชยรายได้ที่ไม่เพียงพอ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวคิดเป็นเกือบ 1 ใน 4 ของงบประมาณทั้งหมด และตอกย้ำว่าญี่ปุ่นยังคงพึ่งพาการออกตราสารหนี้อย่างมาก ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของรัฐบาลญี่ปุ่นที่อยู่ในภาวะย่ำแย่ที่สุดในบรรดาประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่
ร่างงบประมาณฉบับนี้ ถือเป็นแผนการใช้จ่ายแบบเต็มปีครั้งแรกนับตั้งแต่ทาคาอิจิเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในเดือนต.ค. โดยคาดว่าร่างกฎหมายงบประมาณจะผ่านการอนุมัติจากรัฐสภาภายในสิ้นปีงบประมาณปัจจุบัน
ที่ผ่านมานั้น นโยบายการใช้จ่ายเชิงรุกของทาคาอิจิได้กดดันให้เงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงานอย่างมาก
รายงานระบุว่า ต้นทุนการชำระหนี้ของญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึงการไถ่ถอนและชำระดอกเบี้ยพันธบัตร พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 31.28 ล้านล้านเยน อันเนื่องมาจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวอยู่ในทิศทางขาขึ้น เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่เพิ่งปรับขึ้นล่าสุดในเดือนนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ธ.ค. 68)





