เลือกตั้ง’69: พรรคประชาชน ยันชัดไม่มีนโยบายแก้ม. 112 ซัด “อนุทิน” เล่นเกมการเมือง หวังผลเลือกตั้ง

พรรคประชาชน (ปชน.) ชี้แจงปมดีเบต ย้ำพรรคไม่มีนโยบายแตะ ม.112 สวนกลับ “อนุทิน” ตกหล่นข้อมูลหรือจงใจเล่นเกมการเมือง

นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรคประชาชน ยืนยันว่า พรรคไม่มีนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หลังเกิดกระแสวิพากษ์จากกรณีที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึง “มาตรา 122” ในเวทีดีเบตครั้งแรก จนถูกนำไปโยงกับประเด็น ม.112 ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด เพราะแท้จริงแล้วหมายถึง ร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข (กฎหมายนิรโทษกรรม) ซึ่งปัจจุบันผ่านวาระของสภาผู้แทนราษฎรวาระ 2 และ 3 ไปแล้ว และอยู่ในขั้นตอนของวุฒิสภา

นายวีระยุทธ กล่าวต่อว่า ประเด็น ม.112 ถูกนำมาใช้เป็นเหตุผลทางการเมืองมาโดยตลอด พร้อมยกตัวอย่างโพสต์ของนายบรรยง พงษ์พานิช ภายหลังการเลือกตั้งปี 2566 ที่ระบุว่า แท้จริงแล้วความขัดแย้งไม่ได้อยู่ที่เรื่องความจงรักภักดี แต่เป็นเพราะนโยบายของพรรคประชาชนที่มุ่งลดขนาดรัฐ ลดกฎหมาย ลดทุนผูกขาด ลดอำนาจอภิสิทธิ์ชน และเพิ่มภาษีคนรวย ซึ่งเป็นสิ่งที่กระทบต่อโครงสร้างเดิม

สำหรับการจัดตั้งรัฐบาล นายวีระยุทธ ได้ย้ำหลักการสำคัญว่า พรรคที่ได้รับเสียงอันดับ 1 จากประชาชน ควรมีสิทธิเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของระบบรัฐสภา แต่ที่ผ่านมาในการเลือกตั้ง 2 ครั้งหลัง หลักการดังกล่าวไม่ถูกปฏิบัติ จึงเกิดความกังวลว่าจะมีความพยายามสกัดพรรคอันดับ 1 อีกครั้ง พร้อมยืนยันว่า ไม่ว่าพรรคใดจะได้อันดับ 1 ก็ควรได้รับโอกาสจัดตั้งรัฐบาล และควรดำเนินการโดยเร็ว

เมื่อถูกถามถึงกรณีที่พรรคประชาชนอาจได้อันดับ 1 แต่ไม่สามารถรวบรวมเสียงข้างมากได้ นายวีระยุทธ ระบุว่า ตอนนี้เงื่อนไขเอาวาระเป็นตัวนำ อาจมีบางพรรคที่ประกาศไม่ร่วม แต่ที่เหลือเปิดประตู สุดท้ายโจทย์คือเสถียรภาพที่เพียงพอ ซึ่งตอนนี้ยังไม่สามารถพูดได้เพราะขึ้นกับตัวเลข สส. ที่ออกมาหลังการเลือกตั้ง และเสถียรภาพของรัฐบาลในอนาคต ซึ่งยังไม่สามารถประเมินล่วงหน้าได้

ส่วนกรณีที่พรรคประชาชนประกาศไม่ร่วมกับพรรคภูมิใจไทยและพรรคกล้าธรรมชัดเจน ทำให้ตัวเลือกการรวมเสียงจำกัดหรือไม่นั้น นายวีระยุทธ ระบุว่า ต้องรอดูตัวเลขหลังเลือกตั้ง พร้อมชี้ว่า โพลต่าง ๆ สะท้อนว่าการเลือกตั้งครั้งนี้คือการตัดสินใจว่าจะให้พรรคสีส้ม หรือพรรคสีน้ำเงินเป็นแกนนำรัฐบาล ซึ่งนายณัฐพงษ์ ประกาศชัดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการตัดสินใจอนาคตว่า ประชาชนคนไทยอยากเห็นรัฐบาลพรรคประชาชน หรือรัฐบาลอนุทิน เป็นทางเลือก 2 ทาง หากประชาชนพอใจกับการบริหารที่ผ่านมา ก็สามารถเลือกต่อได้ แต่หากเห็นว่า 10 ปีที่ผ่านมาไม่สามารถไปต่อได้ ก็มีทางเลือกใหม่

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ธ.ค. 68)