เลือกตั้ง‘69: กกต.เผยภาพรวมรับสมัครปาร์ตี้ลิสต์วันแรก 32 พรรค ส่งแคนดิเดต 68 คน

นายแสวง บุญมี เลขาคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สรุปภาพรวมการรับสมัครสส.บัญชีรายชื่อและส่งรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองวันแรกว่า ภาพรวมทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยด้วยความร่วมมือของทั้งพรรคการเมืองและผู้สนับสนุนรวมทั้งสื่อมวลชน ซึ่งพรรคการเมืองที่มาลงเวลาก่อน 8.30 น. มี 52 พรรคการเมืองทางสำนักงานได้มีการตรวจสอบเอกสารความพร้อมและทุกพรรคได้ส่งเอกสารครบถ้วน ได้มีการจับสลากลำดับหมายเลขที่จะใช้หาเสียงเสร็จเรียบร้อยแล้ว และพรรคการเมืองได้เสนอรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจำนวน 32 พรรคการเมือง รวม 68 คน แต่พรรคที่ยังไม่ได้เสนอชื่อสามารถเสนอได้จนถึงวันสุดท้ายของการเปิดรับสมัครวันที่ 31 ธันวาคม 2568

ส่วนนโยบายหาเสียงที่พรรคการเมืองได้ยื่นจะส่งไปถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งโดยเป็นหนังสือส่งถึงเจ้าบ้าน 19 ล้านครัวเรือน โดย 52 พรรคการเมืองได้ส่งนโยบายหาเสียงเรียบร้อยแล้ว โดย กกต.มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ

สำหรับการออกเสียงประชามติ นายแสวงระบุว่ามี 3 ส่วนคือส่วนแรก การให้ข้อมูลเป็นเรื่องของหน่วยงานที่จะทำประชามติ คือ ครม. เป็นผู้เสนอคำถามมายัง กกต.ตามมาตรา 9 ( 2) พ.ร.บ.ประชามติ กกต.ก็จะทำเอกสารส่งไปถึงประมาณ 19 ล้านครัวเรือน ซึ่งต้องไม่เป็นการชี้นำ ส่วนที่ 2 คือการแสดงความคิดเห็น สำนักงาน กกต.จะเป็นผู้จัดเวทีให้ฝ่ายที่เห็นชอบและไม่เห็นชอบได้แสดงความคิดเห็น โดยเท่าเทียมกัน จะมีการจัดเวทีแสดงความคิดเห็นทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ขณะที่สื่อมวลชนก็สามารถดำเนินการได้แต่ต้องคำนึงถึงความเสมอภาคความเท่าเทียมกันของทุกฝ่าย ขณะที่การรณรงค์เพื่อการออกเสียงประชามติ เป็นเสรีภาพของประชาชน กฎหมายให้อำนาจ กกต.ออกระเบียบเพื่อให้เกิดความเสมอภาคและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่พรรคการเมืองสามารถรณรงค์การออกเสียงประชามติได้แต่ต้องไม่เป็นการใส่ร้ายป้ายสี หรือการให้ข้อความอันเป็นเท็จ ส่วนค่าใช้จ่ายของพรรคการเมืองมีค่าใช้จ่ายก็จะต้องปฏิบัติอยู่ภายใต้กฎหมาย 3 ฉบับคือกฎหมายเลือกตั้ง สส. กฎหมายประชามติ และกฎหมายพรรคการเมือง

สำหรับพื้นที่บริเวณชายแดนไทย -กัมพูชา นายแสวงกล่าวว่าความตั้งใจของกกต.คือจัดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 เหตุที่จะทำให้อาจไม่มีการเลือกตั้งในวันดังกล่าว โดยกฎหมายกำหนดให้มี 2 แบบ เลือกตั้งทั้งประเทศหรือการเลือกตั้งบางหน่วย ได้แต่ขณะนี้สถานการณ์และความตั้งใจของกกต.เชื่อว่าจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 และก็ว่าจะถึงวันนั้นคิดว่าสถานการณ์น่าจะพร้อม

ส่วนเจ้าหน้าที่ทหารหรือเจ้าหน้าที่พยาบาลที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่สู้รบเพื่อไม่ให้เป็นการเสียสิทธินั้น นายแสวงระบุว่ากกตจะหารือกับฝ่ายความมั่นคงเพื่อหาแนวทางให้บุคคลกลุ่มดังกล่าวได้รับความสะดวกจะไม่เสียสิทธิ์ในการออกไปเลือกตั้ง ส่วนการอำนวยความสะดวกให้กับคนไทยในพื้นที่กัมพูชา โดยในทุกพื้นที่ที่มีสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลก็ได้มีการเปิดให้ลงทะเบียนซึ่งก็ต้องรอดูว่าจะมีปัญหาหรือไม่ ทั้งนี้ต้องดูว่ามีจำนวนผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์เลือกตั้งและประสานมตินอกราชอาณาจักรเท่าใด คิดว่าสถานกงสุลที่ได้ประเมินสถานการณ์ความเหมาะสม ก็จะมีการเตรียมความพร้อมเพื่อให้ออกมาด้วยความเหมาะสม

นายแสวงยังย้ำถึงการอำนวยความสะดวกการจัดประชามตินอกราชอาณาจักร ว่าได้มีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการ ซึ่งทุกฝ่ายได้ทำอย่างเต็มที่ ทำอย่างดีกว่าเดิม ให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์และรักษาเจตนารมณ์การออกไปใช้สิทธิ ซึ่งถือเป็นหลักการที่ กกต.ตั้งไว้แต่หลักการปฏิบัติ ต้องยอมรับว่ากระทรวงการต่างประเทศ ก็ลำบากขึ้นเพราะมีออกเสียงประชามติควบคู่ไปด้วย ซึ่งการเลือกตั้งต้องส่งบัตรมานับที่ประเทศไทยขณะที่ประชามตินับที่ต่างประเทศจำนวนบุคลากรเท่าเดิมแต่งานเพิ่มขึ้น แต่รับปากว่าจะทำมาอย่างดีที่สุดและดีกว่าเดิม โดยได้มีแผนรองรับไปแล้วและมีการประชุมร่วมกันตลอดเวลา

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ธ.ค. 68)