MPI เดือน พ.ย. หดตัว 4.24%YoY รับผลกระทบชายแดน-น้ำท่วม-บาทแข็ง-ท่องเที่ยวชะลอ

สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน พ.ย.68 อยู่ที่ระดับ 90.54 หดตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.24% และหดตัว 4.39% จากเดือน ต.ค.68

ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิต (CapU) ในเดือน พ.ย.68 อยู่ที่ 55.49 ลดลงจาก 57.81 ในเดือน ต.ค.68

โดยมีปัจจัยกดดันจากการผลิตอุตสาหกรรมปิโตรเลียมลดลง, เงินบาทแข็งค่า, สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา, สถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ และนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศปรับตัวลดลงต่อเนื่อง

ขณะที่มีปัจจัยหนุน ได้แก่ การผลิตรถยนต์ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เนื่องจากผู้ประกอบการต้องผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อชดเชยการนำเข้าในปีที่ผ่านมา การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17 และมาตรการสำคัญของรัฐบาล เช่น โครงการคนละครึ่งพลัสและเที่ยวดีมีคืน เป็นต้น

อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีฯ ในเดือน พ.ย.68 ได้แก่

  • น้ำมันปาล์ม ขยายตัว 40.79% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มดิบ และน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ตามปริมาณผลปาล์มที่ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นจากปริมาณฝนและสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย
  • ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัว 6.40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์ Printed Circuit Board Assembly (PCBA) ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ และ IC เป็นหลัก ตามการเติบโตของตลาเซมิคอนดักเตอร์โลก
  • น้ำตาล ขยายตัว 165.52% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ และน้ำตาลทรายขาว เป็นหลัก ตามปริมาณอ้อยเข้าหีบมากขึ้นกว่าปีก่อนเนื่องจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย และราคาอ้อยในฤดูกาลผลิต 2566/67 มีราคาสูง จูงใจให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูก

อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนีฯ ในเดือน พ.ย.68 ได้แก่

  • ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ลดลง 13.52% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซล น้ำมันเตาและน้ำมันเครื่องบิน เป็นหลัก เนื่องจากผู้ผลิตบางรายหยุดผลิตชั่วคราวเพื่อซ่อมบำรุงใหญ่
  • เครื่องจักรอื่น ๆ ที่ใช้งานทั่วไป ลดลง 25.66% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ เป็นหลัก เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศที่ชะลอตัว และมีสินค้านำเข้าราคาถูกจากจีน
  • ผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ ลดลง 8.35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์ถุงมือยางทางการแพทย์ และยางแท่ง เป็นหลัก ตามปริมาณน้ำยางออกสู่ตลาดลดลงจากอุทกภัยทางภาคใต้

นายศุภกิจ บุญศิริ ผู้อำนวยการ สศอ. กล่าวว่า ดัชนีฯ MPI ในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-พ.ย.) หดตัว -1.09% ต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดว่าจะหดตัว -1.0% แต่แนวโน้มหลังจากนี้คาดว่าจะที่ดีขึ้น โดยจะกลับมาขยายตัว 1-2% ในปี 69

สำหรับการเตือนภัยด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมภาพรวมของไทยเดือน ธ.ค.68 “ส่งสัญญาณเฝ้าระวัง” โดยปัจจัยในประเทศอยู่ในวัฏจักรขาลงและมีภาวะต้องเฝ้าระวังโดยปัจจัยด้านการลงทุนภาคเอกชนยังคงหดตัวสูงต่อเนื่อง ขณะที่การบริโภคในประเทศได้รับผลดีจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ด้านปัจจัยต่างประเทศส่งสัญญาณเฝ้าระวังลดลงตามการส่งออกของจีนและออสเตรเลียที่ขยายตัว ขณะที่การผลิตของสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และอาเซียนยังคงต้องเฝ้าระวัง

แนวโน้มภาคอุตสาหกรรมในปี 2569

สศอ. ประเมินว่าอุตสาหกรรมดาวเด่นยังคงเป็นกลุ่มที่ได้รับแรงหนุนจากโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ของโลก ได้แก่

  • อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
  • อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน (xEV)
  • อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง (HDD)
  • อุตสาหกรรมอาหาร
  • อุตสาหกรรมอาหารสัตว์สำเร็จรูป

ขณะที่อุตสาหกรรมที่ต้องเร่งปรับตัว ได้แก่

  • อุตสาหกรรมยานยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE)
  • อุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม
  • อุตสาหกรรมสิ่งทอ
  • อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐาน
  • อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และส่วนประกอบ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ธ.ค. 68)