คลัง เผยเศรษฐกิจไทย พ.ย.รับแรงหนุนส่งออกโตต่อเนื่อง 17 เดือน จับตาผลมาตรการรัฐ-เหตุปะทะชายแดน

นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในเดือนพฤศจิกายน 2568 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกสินค้า ที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17 ขณะที่การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณทรงตัวจากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ดี จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศยังคงชะลอตัว

ทั้งนี้ ยังจำเป็นต้องติดตามผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา และสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย

– เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณทรงตัวจากปีก่อนหน้า

ปริมาณรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ ในเดือนพฤศจิกายน 2568 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 15.4% แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -4.6% ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ในเดือนพฤศจิกายน 2568 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 53.2 จากระดับ 51.9 ในเดือนก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” และมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว แต่ทั้งนี้ ผู้บริโภคยังมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งทางชายแดนไทย-กัมพูชา

ขณะที่ปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนพฤศจิกายน 2568 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -6.8% และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนที่ -6.0% และรายได้เกษตรกรที่แท้จริง ในเดือนพฤศจิกายน 2568 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -12.8%

– เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณทรงตัวจากปีก่อนหน้า

การลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุน ในเดือนพฤศจิกายน 2568 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 13.9% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 2.2% ขณะที่ปริมาณรถยนต์เชิงพาณิชย์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนพฤศจิกายน 2568 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -11.7% และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ที่ -10.2%

– มูลค่าการส่งออกสินค้า ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน

มูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนพฤศจิกายน 2568 อยู่ที่ 27,445.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17 ที่ 7.1% และหากพิจารณาเฉพาะมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมน้ำมันและสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับทองคำ และยุทธปัจจัย พบว่า ขยายตัวที่ 11.8% ตามการขยายตัวของสินค้าในหมวดเครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และแผงวงจรไฟฟ้า ในขณะที่การส่งออกข้าว ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ปรับตัวลดลง

– เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน โดยเฉพาะบริการด้านการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอตัว

ภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนพฤศจิกายน 2568 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม จำนวน 2.91 ล้านคน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -7.5% ขณะที่การท่องเที่ยวภายในประเทศ มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ในเดือนพฤศจิกายน 2568 จำนวน 23.1 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 0.1%

ขณะที่ภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ในเดือนพฤศจิกายน 2568 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 0.4% แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -2.9% ตามการเพิ่มขึ้นในหมวดพืชผลสำคัญ อาทิ ข้าวโพด และหมวดไม้ผล อย่างไรก็ดี ผลผลิตมันสำปะหลัง ลดลงจากเดือนก่อน

สำหรับภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ในเดือนพฤศจิกายน 2568 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 89.1 จากระดับ 87.3 ในเดือนก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ อาทิ โครงการคนละครึ่งพลัส เที่ยวดีมีคืน และเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของไทย ในเดือนพฤศจิกายน 2568 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 56.8 จากระดับ 56.6 ในเดือนก่อนหน้า

– เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี

สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนพฤศจิกายน 2568 อยู่ที่ -0.49% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน อยู่ที่ 0.66% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2568 อยู่ที่ 65.2% ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561

สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2568 ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 274.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

– ภาพรวมภาวะตลาดการเงินไทยล่าสุด ปรับตัวดีขึ้นบางส่วน โดยเฉพาะในตลาดทุน

โดยได้รับแรงสนับสนุนจากกลุ่มนักลงทุนบุคคลทั่วไปในประเทศ แม้จะมีแรงซื้อสุทธิกลับเข้ามาบ้างในบางวันของเดือนธันวาคม อย่างไรก็ดี ข้อมูล ณ วันที่ 25 ธันวาคม 2568 นักลงทุนบุคคลทั่วไปในประเทศมีการซื้อสุทธิ 1,367.55 ล้านบาท และเมื่อพิจารณาภาพรวมในเดือนธันวาคม (ข้อมูลสะสมตั้งแต่วันที่ 1-25 ธันวาคม 2568) นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิรวม -1,479.43 ล้านบาท ซึ่งแตกต่างจากเดือนก่อนหน้า โดยเมื่อพิจารณาภาพรวมตั้งแต่ต้นปี (YTD) นักลงทุนกลุ่มนี้ ยังคงซื้อสุทธิอยู่ในระดับสูงที่ 155,358.69 ล้านบาท สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนรายย่อยต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย แม้จะมีแรงขายบางส่วนเพื่อทำกำไรระยะสั้น

ขณะที่กลุ่มนักลงทุนต่างชาติ พบว่ามีการขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยในวันดังกล่าวมูลค่า -786.55 ล้านบาท และเมื่อพิจารณาภาพรวมยอดสะสมทั้งเดือนธันวาคม (ถึงวันที่ 25 ธันวาคม 2568) พบว่าเป็นยอดซื้อสุทธิรวม 3,169.39 ล้านบาท อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาภาพรวมตั้งแต่ต้นปี นักลงทุนต่างชาติยังคงมีสถานะขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยรวมทั้งสิ้น -105,277.92 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่ยังคงมีอยู่ภายใต้ภาวะตลาดการเงินโลกที่ยังมีความไม่แน่นอน

สำหรับตลาดตราสารหนี้ พบว่าในวันที่ 25 ธันวาคม 2568 นักลงทุนต่างชาติ มีการขายสุทธิเล็กน้อย -72.0 ล้านบาท และเมื่อพิจารณายอดสะสมทั้งเดือนธันวาคม นักลงทุนในตลาดตราสารหนี้มีสถานะขายสุทธิรวม -16,343.53 ล้านบาท ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณายอดสะสมตั้งแต่ต้นปี นักลงทุนในตลาดตราสารหนี้ ยังคงถือสถานะซื้อสุทธิรวม 70,872.22 ล้านบาท บ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพด้านการคลัง และพันธบัตรรัฐบาลไทยในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความไม่แน่นอน และแนวนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลักที่อยู่ในช่วงการปรับเปลี่ยน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ธ.ค. 68)