
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายกรณ์ จาติกวณิช และ นางการดี เลียวไพโรจน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์ เปิดวิสัยทัศน์ “ทำอย่างไร? ไทยหายจน” ผ่าน 4 เสาหลัก สู่ 27 นโยบายไทยหายจน
โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า 15 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยและคนไทยต้องเจอกับสภาพ “ไทยต้องทน” ซึ่งทุกวันนี้ไม่เพียงแต่ปัญหาที่สะสมมาอย่างยาวนาน แต่เราต้องการผู้นำที่มีความเข้าใจในเงื่อนไขสำคัญของโลกเพื่อให้เราหลุดพ้นจากสภาพเดิม ทำอย่างไรให้ไทยหายจน
ประการแรกคือ “บ้านเมืองสุจริต” ซึ่งประชาชนเรียกหาสิ่งนี้ เพราะปัญหาทุจริต ทำลายสังคมไทยเป็นอย่างมาก มีต้นทุนในทุกรูปแบบ คนทำธุรกิจ หรือประชาชน เผชิญกับกฎระเบียบมากมาย แทบไม่มีประเทศไหนที่จะหายจนได้ หากบ้านเมืองไม่สุจริต
ประการที่สอง “เศรษฐกิจดี” ที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องทนอยู่กับการเติบโตของเศรษฐกิจ เพียงแค่ปีละ 2-3% ซึ่งหากเศรษฐกิจไทยเติบโตถึง 5% จะทำให้ GDP โตขึ้นปีละ 6 แสนล้านบาท หมายความว่าคนไทยทุกคน จะมีเงินเพิ่มขึ้นเกือบ 1 หมื่นบาท รัฐจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นเกือบ 1 แสนล้านบาท
ประการที่สาม “ความยุติธรรม” ซึ่งในปัจจุบัน ความไม่ยุติธรรมนำไปสู่เงื่อนไขความขัดแย้ง และทำให้ประเทศไทยเดินต่อไม่ได้
ประการที่สี่ ประเทศไทยจะต้องเป็น “ผู้นำในภูมิภาค” อดีตเราเคยเป็นประธานอาเซียน นำอาเซียนเข้าไปนั่งในการประชุม G20 และเราเคยเจรจากับนานาประเทศทำให้ราคายางพาราดีขึ้นได้
“บ้านเมืองสุจริต เศรษฐกิจดี มีความยุติธรรม เป็นผู้นำในภูมิภาค จะเป็นคำตอบว่า เราจะหายจนได้อย่างไร” นายอภิสิทธิ์ ระบุ
- กาง 27 นโยบาย “ไทยหายจน” บน 4 เสาหลัก
– เสาที่ 1 : หายจนรายได้
1. ประกันรายได้จ่ายทันที สนับสนุนต้นทุนการผลิต ตั้งแต่ต้นฤดูกาลไร่ละ 1,000 บาท ประกันรายได้ 10,000 บาท จ่ายทันทีต้นฤดูกาลไร่ละ 1,000 บาท เก็บเกี่ยวจ่ายที่เหลือ โดยข้าว (5ชนิด) ประกันรายได้ 10,000 บาท/ตัน (ไม่เกิน 20 ตันต่อราย), ข้าวหอมมะลิ ประกันรายได้ 15,000 บาท/ตัน (ไม่เกิน 20 ตัน/ราย), ยางพารา ประกันรายได้ 60 บาท/กิโลกรัม, มันสำปะหลัง ประกันรายได้ 2.50 บาท/กิโลกรัม (ไม่เกิน 100 ตัน/ราย), ปาล์มน้ำมัน ประกันรายได้ 4 บาท/กิโลกรัม, ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ประกันรายได้ 8.50 บาท/กิโลกรัม
2. ประกันรายได้ แรงงาน
ยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานด้วยกลไก “รัฐช่วยจ่ายส่วนต่าง” จัดทำดัชนีค่าครองชีพรายจังหวัด ถ้าค่าครองชีพสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำ รัฐจ่ายส่วนต่างทันที แก้ปัญหาปากท้องที่ “แม่นยำ” หยุดเงินเฟ้อจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ลดแรงกดดันผู้ประกอบการไม่ต้องปรับราคาสินค้าขึ้นตามนโยบายค่าแรงขั้นต่ำประชานิยมที่บังคับจริงไม่ได้ เพราะค่าแรงขั้นต่ำ เกิดจากการประชุมภาครัฐ นายจ้าง ลูกจ้าง นอกจากนี้ ยังช่วยคุมต้นทุนของผู้ประกอบการรายย่อย แรงงานมีงานทำ ดึงแรงงานเข้าระบบ โดยไม่ทำลายขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจ
3. ลดค่าไฟ ไม่ใช้เงินภาษี บริหารต้นทุนการผลิตไฟ ลดการใช้ “ก๊าซธรรมชาติเหลว” ที่มีต้นทุนแพง แทนที่ด้วยพลังงานที่ประหยัดกว่า การรับซื้อไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จากหลังคาบ้านประชาชน ด้วยระบบผลิตไฟใช้เองเหลือขายให้การไฟฟ้า, ไฟฟ้าพลังงานสะอาดจากลาว
4. ประเทศไทย ศูนย์กลางพลังงานแห่งอาเซียน เป็นศูนย์กลางระบบสายส่งไฟฟ้าอาเซียน ASEAN Power Grid ได้ค่าผ่านทางจากลาวไปมาเลเซีย สิงคโปร์ปีละ 5,000 ล้าน ต่ออายุโรงไฟฟ้าที่หมดสัมปทาน เพื่อไม่ต้องจ่ายค่าความพร้อมใช้ เป็นกำลังสำรองราคาถูก
5. พันธบัตรป่าไม้ ปลูกป่าได้เงินเดือน เปลี่ยนเกษตรกรเป็นมนุษย์เงินเดือน ปลูกป่านำมาให้สถาบันการเงินออกพันธบัตรป่าไม้ ระดมทุนมาลงทุนในป่าไม้ยืนต้น เงินจากการขายพันธบัตรนำมาจ้างเกษตรกรเป็นรายเดือน
6. เงินได้ 40,000 บาทแรกไม่เสียภาษี ปัจจุบันผู้มีรายเดือนละ 26,583 บาท หรือเงินได้สุทธิปีละ 150,000 บาทไม่ต้องจ่ายภาษี(อัตรา 0%) ซึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงมานานมาก ขัดกับสภาพเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อที่เพิ่มทุกปี ดังนั้นจึงเพิ่มจำนวนเงินได้สุทธิขั้นต่ำ (รายได้รวม หักค่าใช้จ่าย หักค่าลดหย่อน) ที่ไม่ต้องเสียภาษีเป็น 320,000 บาท/ปี หรือคิดเป็นเงินเดือน เดือนละ 40,750 บาท เพื่อให้ผู้ที่เริ่มทำงานใหม่ และประชาชนที่มีรายได้น้อยได้ลดภาระค่าภาษี สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจจากกำลังซื้อของผู้มีเงินเดือนต่ำกว่า 40,000 บาทหลายล้านคน
7. รถไฟฟ้า-รถเมล์ สูงสุด 30 บาท คำนวณค่าโดยสารเป็นแบบเขตพื้นที่ Zoning โดยการเดินทางภายในเขตพื้นที่ ราคาไม่เกิน 30 บาทต่อเที่ยว ผู้โดยสารที่เดินทางระยะไกล จะจ่ายค่าโดยสารลดลงให้มีระบบตั๋วร่วมของระบบรถไฟฟ้า และรถประจำทาง โครงการนี้ รัฐจะต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายส่วนต่างให้ประชาชน
8. สลากออมทรัพย์รายจังหวัด “เฮงได้ แห้วคืน” ให้มีการออกสลากการออม โดยออกเป็นรายจังหวัด จังหวัดละ 100,000 ใบ โดยกำหนดรางวัลที่หนึ่งจังหวัดละ 1,000,000 บาท/งวด รวม 77 ล้านบาท/งวด โดยเงินที่ประชาชนใช้ซื้อสลาก เมื่อหักค่าใช้จ่ายในการออกรางวัล สามารถนำมาสะสมในกองทุน

– เสาที่ 2 : หายจนใจ
9. โอบอุ้มคุณแม่ ดูแลลูกน้อย ให้เงินอุดหนุนมารดาและเด็ก เดือนละ 5,000 บาท เป็นระยะเวลา 12 เดือน โดยเป็นเงินอุดหนุนแบบถ้วนหน้าทันทีตั้งแต่รับใบสูติบัตร ไม่ต้องพิสูจน์ฐานะ รัฐสนับสนุนเงินออมให้กับเด็กไทยทุกคนตั้งแต่แรกเกิดจนอายุ 18 ปี เดือนละ 500 บาท เพื่อให้เด็กทุกคนมีเงินออม โดยเงินออมนี้ ถ้าเก็บในบัญชีเงินออมโดยไม่ถอน จะได้รับเงินเพิ่มพิเศษทุก 5 ปี ครั้งละ 10,000 บาท
10. เบี้ยคนชราถ้วนหน้า 1000 บาท เพิ่มเบี้ยคนชราทุกคนตั้งแต่อายุ 60 ปี คนละ 1,000 บาทต่อเดือน
11. 50,000 บาท บ้านผู้สูงวัยปลอดภัย ให้งบประมาณซ่อมและปรับปรุงบ้านให้เหมาะกับผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 70 ปี บ้านละ 50,000 บาท เช่น การทำราวจับ การลดขั้นบันได การปรับปรุงห้องน้ำ เพื่อลดอุบัติเหตุ สะดวก ปลอดภัย ลดงบประมาณค่ารักษาพยาบาลระยะยาว
12. แปลงบ้านสูงวัย เป็นเงินใช้เลี้ยงชีพ อยู่ฟรีตลอดชีวิต รัฐจ่ายเงินซื้อบ้านผู้สูงอายุด้วยการจ่ายล่วงหน้า ยังอยู่อาศัยได้จนเสียชีวิต ราคาบ้านที่ซื้อ คิดส่วนลดจากราคาประเมิน โดยรัฐจ่ายค่าบ้าน 4 งวด งวดละ 1 ปี ให้โอกาสทายาท ซื้อคืนด้วยราคาเดิม ไม่คิดค่าโอน
13. ทำฟันสูงวัย Fast Track ผู้สูงอายุเกิน 70 ปี ไม่ต้องรอคิวทำฟันนาน ให้มีการสำรองเวลานัดหมายทันตแพทย์สำหรับผู้สูงอายุ เพราะสุขภาพฟัน ทำให้ชีวิตยืนยาวขึ้น
14. เบี้ยคนพิการ ถ้วนหน้าx2 เพิ่มรายได้ขั้นต่ำสำหรับผู้พิการจาก 800 บาท/เดือน เป็น 1,600 บาท/เดือน ผู้พิการอายุน้อยกว่า 18 ปีได้รับจาก 1,000 บาท/เดือน เป็น 2,000 บาท/เดือน
– เสาที่ 3 : หายจนปัญญา
15. บุฟเฟต์การศึกษา เรียนสิ่งที่อยากเรียน หลักสูตรการศึกษาหลักสูตรยืดหยุ่น มีอิสระ (Flexible Curriculum) ผู้เรียนสามารถออกแบบหลักสูตรได้ด้วยตนเอง เชื่อมโยงการศึกษานอกระบบเข้าสู่ในระบบ ด้วยระบบธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank) และ Skill Wallet เยาวชน และประชาชนทั่วไป สามารถเรียนรู้และสะสมหน่วยกิตจากหลายช่องทาง (Credit Bank) สามารถเรียนข้ามหลักสูตรในสถานศึกษาต่าง ๆ เรียนรู้จาก Platform ที่เอกชนสร้างขึ้น เช่น App สอนภาษา สอนเทคโนโลยี
จัดให้มีคูปองการศึกษา รัฐสนับสนุนคูปองการศึกษา ให้ประชาชนนำไปเลือกเรียนทักษะที่ต้องการ ในหลักสูตรระยะสั้นที่ผ่านการรับรองเพื่อเพิ่มรายได้ สนับสนุนรายละ 3,000 บาท/ปี
16. เรียนฟรี ต้องฟรีจริง แก้ปัญหา “ค่าใช้จ่ายแฝง” ที่เป็นภาระหนักของผู้ปกครอง โดยเฉพาะค่าเดินทาง และค่าอาหาร ส่งเสริมให้ท้องถิ่น ชุมชนมีส่วนร่วมในการลดค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง ให้งบประมาณที่เพียงพอ ไม่จ่ายรายหัว สำหรับโรงเรียนขนาดเล็ก และกลุ่มเด็กขาดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดอาหารกลางวัน และการเดินทางของเด็ก
17. หางานให้ ใช้หนี้ กยศ.เปิดโอกาสให้ผู้กู้ยืม กยศ. สามารถทำงานบางประเภท และได้เงินอุดหนุนจากรัฐลดเงินที่กู้จากกองทุนฯ ได้ เช่น งานบริการสังคม งานที่ขาดคน งานดูแลผู้สูงอายุติดเตียง
18. English for All /แพลตฟอร์ม Learn to Earn/จัดทำ National Digital Learning Platform แพลตฟอร์มการเรียนรู้แห่งชาติ เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา มีครูเจ้าของภาษาให้เด็กไทยทุกคน แพลตฟอร์ม Learn to Earn ที่ทำเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงาน ในการกำหนดหลักสูตรที่ใช่ และตอบโจทย์ภาคเอกชน สามารถจับคู่ทักษะของผู้จบหลักสูตรที่ตรงกับความต้องการของตลาด
– เสาที่ 4 : หายจนตรอก
19. ราชการในมือถือ เทคโนโลโนยี One-ID ยืนยันตัวตนเพียงครั้งเดียว ลดความซ้ำซ้อนในการกรอกข้อมูล เข้าถึงบริการภาครัฐและเอกชนจากโทรศัพท์มือถือได้อย่างง่ายดาย 24 ชั่วโมง ทุกวัน ประหยัด ไม่เสียเวลา ไม่ต้องใช้สำเนากระดาษ
เทคโนโลยีกระเป๋าเงินดิจิทัลประชาชน Citizen Wallet จัดเก็บข้อมูลสำคัญที่เดิมต้องเก็บในรูปแบบเอกสารให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล รวมถึงจัดเก็บสิทธิประโยชน์ สวัสดิการที่รัฐมอบให้แก่ประชาชน เพื่อให้เกิดความถูกต้อง ตรงวัตถุประสงค์ และมีประสิทธิภาพ ทำศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกลางภาครัฐ (GDX: Government Data Exchange) ทำหน้าที่เชื่อมโยง แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานทุกหน่วยงานของรัฐ และแชร์ข้อมูลให้ประชาชนเจ้าของข้อมูล
20. Open Data ข้อมูลภาครัฐ ข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐเป็นแบบดิจิทัล Machine-Readable และเป็นข้อมูลสาธารณะเพื่อให้ประชาชนและผู้เชี่ยวชาญสามารถตรวจสอบได้ ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตรวจจับความผิดปกติของการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เช่น วิเคราะห์การกำหนดสเปค การเสนอราคาที่ผิดปกติ การเสนอสินค้า หรือบริการที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ตรงตามความต้องการ มีระบบติดตามงบประมาณตามพื้นที่ โดยให้ประชาชนสามารถกดติดตามโครงการของหน่วยงานรัฐในพื้นที่ของตัวเอง ให้มีการแจ้งเตือนเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสถานะโครงการ เช่น การขยายสัญญา การส่งมอบงาน การจ่ายเงิน
ตลอดจนต้องจัดทำรายงานประสิทธิภาพการใช้งบประมาณ เช่น ตารางสรุปมูลค่างานที่บริษัทได้สัญญาภาครัฐ โครงการที่ล่าช้าผิดปกติ ฯลฯ โดยจะออกระเบียบให้ทุกหน่วยงานส่งข้อมูลงบประมาณ การจัดซื้อจัดจ้าง การตรวจรับงานไปยังสำนักงานงบประมาณของรัฐสภา เพื่อเป็นผู้จัดทำรายงานดังกล่าว
21. จัดซื้อจัดจ้างให้โอกาส SMEs ไทย Made-in-Thailand First ปรับเกณฑ์การคัดเลือก แหล่งกำเนิด ก่อนราคาถูกที่สุด เพิ่มคะแนนผลประโยชน์การกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ บังคับใช้สัดส่วนจัดซื้อจัดจ้างสินค้าไทย ให้สิทธิสินค้า MiT เสนอราคาสูงกว่าคู่แข่งต่างประเทศได้ การออกแบบสัญญาที่ลดความเสี่ยงให้กับ SME เช่น การแบ่งจ่ายงวดงานที่เร็วขึ้น หรือการลดวงเงินค้ำประกันสัญญาสำหรับสินค้าผลิตในไทย รัฐร่วมทุนกับเอกชนในการวิจัยและพัฒนา (R&D) โดยเฉพาะสินค้าเทคโนโลยีสูง
22. ตัดตอนกฎหมายล้าสมัยด้วย Super Act ร่างกฎหมาย “พ.ร.บ.การปรับปรุงและยกเลิกกฎหมายกฎหมายที่ไม่จำเป็น” เป็นกฎหมายแม่บท เพื่อเริ่มต้นปฏิรูปกฎหมาย โดยไม่ต้องแก้ที่ละฉบับให้เสียเวลา สามารถออกแบบระบบกฎหมายตามวิสัยทัศน์ และฉากทัศน์ใหม่ของประเทศ
23. บทเรียนจากหาดใหญ่ ประเทศไทยพร้อมเผชิญภัยพิบัติ พัฒนาระบบเตือนภัยใหม่ แจ้งครั้งเดียว ถึงหลายหน่วย (Single Disaster Center) ช่วยชีวิตได้จริง ยกระดับกรมป้องกันภัยเป็นหน่วยงานระดับชาติ กำหนดแนวทางปฏิบัติของหน่วยงาน ทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น ต่อสัญญาณเตือนรูปแบบต่าง ๆ ใช้เทคโนโลยีพยากรณ์การระบายน้ำ กำจัดสิ่งกีดขวาง เพิ่มประสิทธิภาพการระบาย สร้างระบบแก้มลิง หลุมขนมครก ดักทางน้ำหลาก
จัดให้มี “สถาบันนักวิทยาศาสตร์ด้านภัยพิบัติ” เพื่อกำหนดรูปแบบภัยพิบัติ และแนวทางการเตือนภัยที่สามารถสื่อสารถึงภัยที่กำลังเกิด ให้ประชาชนสามารถเข้าใจ และรู้ว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไรในแต่ละคำเตือน ระบบนี้จะเชื่อมกับการแจ้งเตือนแบบท้องถิ่น (Local Alert – L-Alert Thailand) ที่สามารถเจาะจงการเตือนภัยได้ในระดับหมู่บ้าน
24. แก้ปัญหา PM2.5 เร่งกฏหมาย 3 ฉบับ ให้มีการเฝ้าระวังเข้มงวดพื้นที่เสี่ยงต่อการเผา พื้นที่ปล่อยควันพิษ ใช้มาตรการจริงใจ และลงโทษเร่งกฏหมาย 3 ฉบับ 1) พ.ร.บ.อากาศสะอาด 2) พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 3) พ.ร.บ.เศรษฐกิจหมุนเวียน
25. “บำบัด ปราบ ปกป้อง” ยาเสพติด แยกผู้เสพออกจากผู้ขาย ตั้งแต่ขั้นตอนจับกุม และดำเนินคดี ขยายศูนย์บำบัดและฟื้นฟูให้เพียงพอ เข้าถึงง่าย ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพิ่มเงินสินบน และรางวัลนำจับพิเศษสำหรับการจับเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ “ดัชนีพื้นที่เสี่ยง” ให้มีการจัดทำข้อมูลแสดงบนแผนที่ (Spatial data) ประเมินความรุนแรงของสถานการณ์ยาเสพติดตามรายพื้นที่อย่างละเอียด จับมือกองทัพปราบปรามเส้นลำเลียง
26. ทหารอาสา 4 ปี เรียนฟรีอนุปริญญาขึ้นไป ปลดประจำการมีงานให้รับสมัครทหารอาสา โดยสามารถรับราชการได้ 4 ปี มีสวัสดิการเหมือนข้าราชการทหารประจำการ ทหารอาสาสามารถเพิ่มวุฒิการศึกษาระหว่างเป็นทหารอาสาได้ ให้กองทัพเพิ่มโอกาสให้กำลังพลส่วนนี้สามารถรับการศึกษาควบคู่ไปกับการรับราชการทหาร ตั้งแต่ระดับอนุปริญญาขึ้นไป “1 ครอบครัว 1 ทหารอาสา 1 อาชีพ หลังปลดประจำการ” โดยเมื่อเป็นทหารอาสาครบกำหนดแล้ว สามารถสอบบรรจุเข้าเป็นข้าราชการ หรือพนักงานของรัฐ ในหน่วยงานต่างๆ ได้
27. มอเตอร์เวย์ 4 ทิศ รถไฟความเร็วสูง เชื่อมไทยเชื่อมโลก ถนนมอเตอร์เวย์ สี่ทิศทั่วประเทศ กรุงเทพฯ-เชียงราย, กรุงเทพฯ – สะเดา, กรุงเทพฯ – ตราด, กรุงเทพฯ – กาญจนบุรี, กรุงเทพฯ – หนองคาย, กรุงเทพฯ – อุบลราชธานี ขยายเส้นทางรถไฟความเร็วสูง นครราชสีมา – หนองคาย เชื่อมต่อกับประเทศลาว และเส้นทางจากประเทศลาวสู่ประเทศจีน โดยจะมีสะพานรถไฟไทย-ลาวใหม่ และระบบรองรับการข้ามแดน ศุลกากร การตรวจคนเข้าเมือง
นายอภิสิทธิ์ เสนอแนะว่า วันนี้รัฐบาลต้องเป็นผู้ผลักดัน “ชี้ทาง เปิดทาง เลิกขวาง” เรา “ชี้ทาง” ได้ด้วยข้อมูลขนาดใหญ่ เพราะรัฐเป็นผู้ที่ครอบครองข้อมูลมากที่สุด ซึ่งข้อมูลที่ภาครัฐมีประโยชน์ต่อธุรกิจที่สำคัญ ส่วนการ “เปิดทาง” เราต้องเปิดการลงทุนและการตลาด ลำพังเอกชนและ SMEs ทำไม่ได้ แต่การทูตเชิงรุกสามารถช่วยได้ และ “เลิกขวาง” ทางด้วย “Made in Thailand first”
“ขอให้ความมั่นใจว่า แคนดิเดตนายกฯ ทั้ง 3 คน ที่อาสาตัวเข้ามาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ถามว่าทำไมต้องเป็น 3 คนนี้ เพราะมีความหลากหลาย แต่สิ่งสำคัญคือ เราคือทีมเดียวกัน พวกเรา 3 คน ไปเวทีดีเบตใครตอบก็เหมือนอีกคนตอบ เพราะเราคิด เราทำด้วยกัน ทุกคนสังกัดพรรคประชาธิปัตย์หมายความว่าเจตจำนงในการผลักดันทุกเรื่องเป็นสิ่งที่ผูกมัดพวกเรา…วันนี้มีการพูดนโยบายเยอะแยะ บางคนบอกว่าไม่ใช่แค่พูด แต่พูดแล้วทำ มันไม่พอ เพราะต้องคิดก่อนพูด พูดแล้วต้องทำเป็น เพราะพวกเราเป็นคนทำเป็น” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ธ.ค. 68)





