สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 มี.ค. 64)
นายวรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า การซื้อขาย SET50 Index
Futures วันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ระหว่างวันทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ดัชนีผันผวนตามตลาดหุ้นต่างประเทศหลังมีแรงขายทำกำไรออกมา
โดยดัชนีช่วงต้นปรับตัวขึ้นจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นจากการโจมตีแหล่งอุตสาหกรรมน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย ส่งผลให้หุ้น
กลุ่มน้ำมันปรับตัวขึ้นและมีน้ำหนักถ่วง SET50 มาก แต่ระหว่างวันถูกกดดันจากความผันผวนตลาดหุ้นจีน หลังจากทางการจีนแสดงความวิตก
กังวลฟองสบู่การเงิน เป็นสัญญาณว่าทางการจีนอาจออกมาตรการคุมเข้มส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวม กดดันหุ้นขนาดใหญ่ และทำให้ตลาดหุ้น
เซี่ยงไฮ้ปรับลงกว่า 2% รวมทั้งดาวโจนส์ฟิวเจอร์สก็เคลื่อนไหวในแดนลบ ส่งผลกดดัน S50H21 ปรับฐานลงในช่วงบ่าย
นอกจากนี้ ตลาดยังวิตกกังวลทิศทางอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่อาจปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเป็นอีกหนึ่งในตัวเร่ง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) ก็
ปรับตัวขึ้น สะท้อนอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินตลาดทุน ล่าสุด Bond Yield ดีดตัวขึ้นไปเหนือ 1.6% เป็นปัจจัยกดดันสำคัญของตลาดหุ้น
แนวโน้มวันพรุ่งนี้ คาดมีทิศทาง sideway up อาจย่อตัวไม่ลึกมากนัก มองภาพดัชนีได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้น
เศรษฐกิจสหรัฐจะทำให้มีเม็ดเงิน Fund Flow ไหลเข้าตลาด Emerging Market และราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นมีโมเมมตัมพยุงหุ้นได้ต่อ
ให้แนวรับแรกที่ 946 จุด และแนวรับสำคัญที่ 937 จุดถ้าดัชนีอ่อนตัวแนะให้เปิดสถานะ long บริเวณแนวรับแรก หากรับ
ความเสี่ยงได้มากให้เปิดสถานะบริเวณแนวรับแรก แต่หากรับความเสี่ยงได้น้อยให้เปิดสถานะบริเวณแนวรับสำคัญ ซึ่งเป็นจุด Stop loss
ด้วย และหากดัชนีปรับตัวขึ้นให้ทยอยขายทำกำไรตามแนวต้าน โดยให้แนวต้านแรกที่ 970 จุด แนวต้านสำคัญ 979 จุด
ส่วนราคาทองคำ แนวโน้มโมเมมตัมพักฐานหรือย่อตัวระยะสั้น อาจรอดูการสร้างฐานซึ่งทำระดับต่ำสุดที่ 1,687 เหรียญ
สหรัฐ/ออนซ์เมื่อวันศุกร์ที่ 5 มี.ค. ซึ่งต่ำสุดในรอบ 9 เดือน โดยระหว่างวันราคาทองรีบาวด์ขึ้นมาที่ 1,713.77 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์
เป็นราคาสูงสุดของวัน และย่อตัวลงมาคาดรับแรงกดดันจากความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สภาคองเกรสผ่านวงเงิน 1.9 ล้าน
ล้านเหรียญสหรัฐ
และนักเศรษฐศาสตร์ได้ปรับประมาณการ GDP สหรัฐในปี 64 เป็นโต 5.5% จากเดิม 4.1% โดยไตรมาส 1/64 เติบโต
4.8% ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในรอบ 3 เดือน และ Bond Yield ทยอยปรับขึ้น กดราคาทองให้ย่อตัว แม้ว่าราคาทองคำได้
แรงหนุนจากการป้องกันเงินเฟ้อ แต่มีแรงซื้อพยุงค่อนข้างจำกัด แนะนำหากราคาทองคำยังอยู่ในทิศทางขาลง ให้ขายออกแล้วค่อยเข้าซื้อ
ใหม่ ให้แนวต้านแรก 1,713 และ 1,729 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ถ้าไม่ผ่านมีแนวโน้มย่อตัวลง โดยแนวรับไว้ที่ 1,674 เหรียญสหรัฐ/
ออนซ์ และแนวรับถัดไปที่ 1,662 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์
ดัชนี SET50 ปิดวันนี้ที่ระดับ 958.16 จุด ลดลง 0.17 จุด, -0.02%
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ปริมาณ สถานะคงค้าง
Total Market 549,908 2,554,521
Total Futures 540,799 2,461,282
SET50 Index 200,956 337,201
Sector Index - -
Single Stock 260,004 1,999,190
Precious Metal 63,482 73,188
- GF10 9,316 20,992
- GF50 44 980
- Gold Online 53,090 49,085
- Silver Online 1,032 2,131
Deferred Precious Metal 5 3
- GOLD-D 5 3
Currency 16,277 51,627
Interest Rate - -
Agriculture 75 73
- Japanese Rubber 75 73
- RSS3D - -
- RSS3 - -
Total Options 9,109 93,239
Call 3,188 32,009
Put 5,921 61,230
สรุปปริมาณการซื้อขายตามกลุ่มผู้ลงทุน
นักลงทุนสถาบัน นักลงทุนต่างชาติ นักลงทุนภายในประเทศ
Futures -34,351 -22,770 +57,121
Options -261 +362 -101
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++